เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ หรือ “นบข.” มีมติเห็นชอบหลักการโครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว หรือ “โครงการปุ๋ยคนละครึ่ง” จุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว จำนวน 4.68 ล้านครัวเรือน วงเงิน 2.9 หมื่นล้านบาท เตรียมมอบหมายให้กรมการข้าวนำเสนอที่ประชุมครม. พิจารณาภายในเดือนนี้
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ครั้งที่ 2/2567 โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ที่กระทรวงพาณิชย์ ว่า กระทรวงเกษตรฯ เสนอโครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว (ปุ๋ยคนละครึ่ง) ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบโครงการดังกล่าว เพื่อสนับสนุนปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ และชีวภัณฑ์ ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร ในรอบปีการผลิต 2567/68 ในราคาไม่เกินไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ (ไม่เกิน 10,000 บาทต่อครัวเรือน) ซึ่งเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการสามารถสั่งซื้อปุ๋ยและชีวภัณฑ์ได้จากแอปพลิเคชั่นที่กรมการข้าว และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พัฒนาร่วมกัน
“มอบหมายให้กรมการข้าวเร่งนำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อช่วยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทันฤดูกาลผลิต อีกด้วย” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว
ทั้งนี้ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ เจรจาร่วมกับร้านค้าสินค้าเกษตร เพื่อให้ราคาปุ๋ยมีราคาถูกและให้กำหนดราคากลางให้เท่ากันทุกจังหวัด เพื่อช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว

นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบหลักการของโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2567 โดย ธ.ก.ส. เป็นผู้อุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยโครงการฯ ปี 67 ให้เกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อเพื่อการเพาะปลูกข้าว ไม่เกินรายละ 30 ไร่ ซึ่งมีพื้นที่เป้าหมายรวมทั้งโครงการ 20.5 ล้านไร่ ใช้วงเงินประมาณ 1,569.315 ล้านบาท โดย รมว.ธรรมนัส ขอให้ ธ.ก.ส. พิจารณาเงื่อนไขให้เกษตรกรที่ประสบภัยพิบัติเป็นผู้รับประโยชน์ทดแทนวงเงินเต็ม ร้อยละ 100 (จากเดิม ธ.ก.ส. รับประโยชน์ ร้อยละ 40 และเกษตรกรรับประโยชน์ ร้อยละ 60) เพื่อนำเสนอให้ ครม. พิจารณาต่อไป


ด้าน นายภูมิธรรม รองนายกฯ และรัฐมนตรีพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 2/2567 ว่า ที่ประชุมเห็นชอบโครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเพื่อช่วยเหลือปัจจัยการผลิตให้กับชาวนา และช่วยลดต้นทุนการเพาะปลูกเพราะข้าวต้องใช้ปุ๋ยเป็นจำนวนมาก โครงการนี้เป็นโครงการใหม่ที่รัฐบาลต้องการเร่งให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะให้ทันกับฤดูการผลิตข้าวของชาวนา โดยโครงการดังกล่าวจะสนับสนุนปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ และชีวภัณฑ์ในราคาไม่เกินไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ ซึ่งรัฐบาลจะช่วยจ่ายครึ่งหนึ่งและชาวนาจ่ายครึ่งหนึ่งในการซื้อปุ๋ย โดยจะซื้อผ่านแอปพลิเคชั่นธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. โดยจะไม่จ่ายเป็นเงินสด เพราะกังวลว่าจะนำเงินที่ได้ไปซื้อปัจจัยอย่างอื่นทดแทน แต่หากซื้อผ่าน ธ.ก.ส. มั่นใจว่าจะซื้อปุ๋ยอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ สูตรปุ๋ยที่ชาวนาเสนอและใช้มากที่สุดคือ 1.ปุ๋ยสูตร 25-7-14 2.ปุ๋ยสูตร 20-8-20 3.ปุ๋ยสูตร 20-10-12 4.ปุ๋ยสูตร 30-3-3 5.ปุ๋ยสูตร 46-0-0 6.ปุ๋ยสูตร 18-12-6 7.ปุ๋ยสูตร 16-8-8 8.ปุ๋ยสูตร 16-12-8 9.ปุ๋ยยูเรีย 16-16-8 10.ปุ๋ยสูตร 16-20-0 11.ปุ๋ยสูตร 20-20-0 12.ปุ๋ยอินทรีย์ที่ขึ้นบัญชีนวัตกรรม หรือใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้รับใบสำคัญการขึ้นทะเบียนปุ๋ยอินทรีย์ 13.ชีวภัณฑ์ที่ได้รับใบสำคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย นอกจากนี้ ชาวนายังเสนอขอเพิ่มปุ๋ยอีก 3 สูตรเนื่องจากใช้เยอะ คือปุ๋ยสูตร 16-16-16 ปุ๋ยสูตร 15-15-15 และปุ๋ยสูตร 13-13-24 ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะพิจารต่อไป
“โครงการนี้มีเป้าหมายช่วยชาวนาปลูกข้าวทั่วไป 4.48 ล้านครัวเรือน พื้นที่ 54 ล้านไร่ ปลูกข้าวอินทรีย์ 0.20 ล้านครัวเรือน พื้นที่ 1.20 ล้านไร่ ปุ๋ยที่เข้าโครงการจะต้องได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นที่เรียบร้อยและทุกคนมีสิทธิเข้าร่วม แต่ต้องรับเงื่อนไขให้ได้ว่าราคาจะต้องเป็นราคาเดียวทั่วประเทศ ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องไปคำนวณต้นทุนค่าขนส่งให้เรียบร้อย ทั้งนี้ จะตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาเพิ่มพิจารณาในเรื่องนี้ด้วย”
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปี 2567 เพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรจากผลกระทบของภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมอบหมายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นของชาวนาที่มีต่อโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง นายธัมมะ สอสะอาด อายุ 73 ปี ชาวนาในตำบลบ้านม่วง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ซึ่งทำอาชีพนี้มาแล้วถึง 60 ปี กล่าวว่าปัจจุบันตนเองปลูกข้าวสายพันธุ์ กข85 มีเนื้อปลูกจำนวน 9 ไร่ ในรอบการผลิตนาปี 2566/67 ที่ผ่านมา สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้มากกว่า 10 ตัน แต่ในรอบการผลิตนาปรังปีนี้ สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เพียงร้อยละ 40 เท่านั้น ซึ่งเป็นผลมาจากสภาวะเอลนีโญ แม้ว่าราคารับซื้อในช่วงนี้จะมากถึง 10,800-11,000 บาทต่อตัน แต่เมื่อนำมาหักต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ แทบจะไม่เหลือกำไร
นายธัมมะ ระบุด้วยว่า ตนเห็นด้วยกับโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง เนื่องจากช่วยลดต้นทุนการผลิตไปได้มาก และช่วยทำให้ชาวนามีทุนเพิ่มในการซื้อปุ๋ยบำรุงต้นข้าว และเพิ่มปริมาณผลผลิต แต่ก็ยังรู้สึกกังวล ว่าจะมีปริมาณปุ๋ยเพียงพอและทั่วถึงชาวนาทุกพื้นที่หรือไม่ นอกจากนี้ ในส่วนของราคาขายที่อาจจะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น ตามความต้องการของการใช้ปุ๋ย ทั้งนี้ หากรัฐบาลมีการวางแผนที่ดี ก็จะช่วยลดต้นทุนการผลิตให้กับชาวนาได้จริง
อ่านเพิ่มเติม : ‘ธรรมนัส’ ชงโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง เสนอนบข.ช่วยเกษตรกร ใช้ปุ๋ยคุณภาพราคาถูก > https://www.khaosod.co.th/politics/news_8155613