ทภ.1 ร่วมกิจกรรมพัฒนาศักยภาพด้านการตลาด เอสเอ็มอี พณ. ส่งเสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ‘มทน.1’ชูแรงขับเคลื่อนสำคัญพัฒนาศก.ประเทศ
เมื่อวันที่ 5 กันยายน ที่โรงแรมเบสท์ เวสเทิร์นพลัส แวนด้าแกรนด์ ถ.แจ้งวัฒนะ จ.นนทบุรี พล.ท.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 1 (ผอ.รมน.ภาค1) มอบหมายให้ พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพน้อยที่ 1 ในฐานะรองผอ.รมน.ภาค1) เป็นผู้แทนร่วมกับนายสถาพร ร่วมนาพะยา รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ผู้แทน อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งจัดโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
กิจกรรมพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดผู้ประกอบการรายย่อยเป็นผลมาจากการลงนามในบันทึกความร่วมมือระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กับกองทัพภาคที่ 1 เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2567 มีระยะเวลา 3 ปี เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยในพื้นที่ภาคกลาง 26 จังหวัดที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 1 และผู้ประกอบการจากหน่วยขึ้นตรงของกองทัพภาคที่ 1 ได้แก่ กองพลที่ 1 รักษาพระองค์(พล.1รอ.) กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์(พล.ร.2รอ.) กองพลทหารราบที่ 11 (พล.ร.11) มณฑลทหารบกที่ 12 (มทบ.12) มทบ.13 มทบ.17 มทบ.18 รวม 7 หน่วย ให้มีความเข้มแข็ง มีรายได้เลี้ยงดูตนเองและครอบครัว พัฒนาความรู้ในการขยายธุรกิจให้พร้อมออกสู่ตลาดที่กว้างขึ้น สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น อันจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวเป็นการจัดในรูปแบบการอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งมีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมอบรมทั้งสิ้น 60 ราย การอบรมประกอบด้วย หัวข้อ การคำนวณต้นทุน และการตั้งราคาขาย”โดยนายทรงพล เนากัณฑ์ และการฝึกปฏิบัติจริง (Work shop) ด้านการจัดแสดงสินค้าให้โดนใจลูกค้า โดย น.ส.ปรีย์ดารา ลัมพสาระ
โอกาสนี้แม่ทัพน้อยที่ 1 ได้กล่าวในพิธีเปิด มีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า ขอขอบคุณอธิบดีเเละรองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตลอดจนผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ที่ได้สร้างโอกาสและองค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการในพื้นที่ กอ.รมน.ภาค 1 ซึ่งถือเป็นการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการที่สำคัญ ความร่วมมือกันครั้งนี้จะเป็นการต่อยอดพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ เชื่อว่าความร่วมมือนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป