‘สุทิน’ออกรอบกอล์ฟการกุศลวปอ.67 หนุน’บิ๊กอ้วน’ทานข้าวกับผบ.เหล่าทัพ

‘สุทิน’ ออกรอบ ‘กอล์ฟ’ การกุศล วปอ.67 ชี้เป็นเรื่องดี ‘บิ๊กอ้วน’ ทานข้าวกับ ผบ.เหล่าทัพกระชับสัมพันธ์

เมื่อวันที่ 6 มกราคม ที่สนามริเวอร์เดล กอล์ฟ คลับ จ.ปทุมธานี นายสุทิน คลังแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และอดีตประธานสภา นักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ร่วมการแข่งขัน กอล์ฟประเพณี กอล์ฟการกุศล เพื่อสังคม ที่จัดโดย วปอ.67 ชิงถ้วย พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) โดยมี นางฉวีวรรณ คลังแสง ภรรยา ร่วมก๊วนด้วย และมีบรรดารุ่นพี่ วปอ. และนักกอล์ฟใจบุญ ผู้สนับสนุน ร่วมแข่งกอล์ฟ มีรางวัลมากมาย โดยรางวัลใหญ่สุดเป็นรถยนต์ไฟฟ้า BYD ทั้งนี้ เพื่อนำรายได้ ไว้ใช้ในกิจการสาธารณประโยชน์เพื่อสังคมของนักศึกษา วปอ.67 ทั้ง 10 หมู่ ที่มีแผนทำหลายโครงการช่วยเหลือสังคมและประชาชน

รวมทั้งโครงการ The Ten ตามนโยบายของ พล.อ.ทรงวิทย์ ในการให้นักศึกษา วปอ.ใช้ศักยภาพในการช่วยแก้ปัญหาสังคมแบบยั่งยืน และช่วยเหลือประชาชน ตามแนวทาง One End Ten Ways เช่น การทำ Social Vaccine for HERO ที่ ชุมชนคลองเตย กทม. โครงการเสือเสถียร ที่ รร.เศรษฐเสถียร กทม. เสริมสร้างพลังให้คนพิการ และ รร.บันดาลใจ ที่ขลุง จันทบุรี โครงการคืนผืนป่าที่ปราจีนบุรี โครงการชุมชนบนผืนดินที่พ่อสร้าง ที่เขาชะงุ้ม เป็นต้น
นอกจากกีฬากอล์ฟแล้ว นักศึกษา วปอ.67 จะจัดแข่งขันฟุตบอล วปอ.ลีก ด้วยในไม่ช้านึ้ พร้อมเชิญชวน ศิษย์เก่า วปอ.ทุกรุ่นร่วมงาน “คืนสู่เหย้าชาว วปอ.” 3 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ วปอ.

นายสุทินกล่าวถึงการที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมวงรับประทานอาหารกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ เมื่อค่ำวานนี้ที่บ้าน พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ ที่ทำหน้าที่เป็นพ่อครัวในการทำอาหาร และพูดคุยเรื่องการทำงานของฝ่ายความมั่นคงและกองทัพ ว่า เป็นสิ่งที่ดีในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายการเมืองกับกองทัพ มีอะไรก็คุยกันได้โดยตรง เพราะตอนที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ใช้วิธีทานข้าว พูดคุยกัน ต้องเป็นแบบ informal

ADVERTISMENT

ส่วนเรื่องการแก้ไขใหม่ร่าง พ.ร.บ.กลาโหม ฉบับของกระทรวงกลาโหม ในยุคที่เป็น รมว.กลาโหมนั้น นายสุทินกล่าวว่า ความที่ผมทำไว้นานบริบทแตกต่างกันเพราะฉะนั้นอาจต้องมีการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมได้ แม้ผ่านสภากลาโหมมาแล้ว ขึ้นอยู่กับการหารือกับเหล่าทัพ และฝ่ายการเมืองมีความเห็นร่วมกันมาในระดับหนึ่ง เพราะตอนที่ร่างก็เป็นการมีความเห็นรวมกันของทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายการเมือง และท้ายที่สุดก็ให้สภาเป็นผู้ตัดสิน