เ ป็นที่ฮือฮาอีกรอบ หลังสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา เปิดเผยถึงผลการขุดค้น แหล่งโบราณคดีโนนพลล้าน บริเวณกำแพงเมืองโคราช เพียง 7 วัน เจอจังๆ ทั้งโครงกระดูกมนุษย์และโบราณวัตถุต่างๆ ในระดับความลึก 160 เซนติเมตร จากผิวดิน
ได้แก่
1.โครงกระดูกมนุษย์ หมายเลข 1 ฝังในลักษณะนอนหงายเหยียดยาว หันศีรษะไปทางด้านตะวันออก ฝังร่วมกับแวดินเผาชามดินเผา และหม้อดินเผาอยู่บริเวณหน้าอก นอกจากนี้ ยังพบกลุ่มภาชนะใกล้กับต้นแขนซ้ายด้วย
2.โครงกระดูกมนุษย์ หมายเลข 2 ฝังในลักษณะนอนหงายเหยียดยาว หันศีรษะไปทางด้านตะวันตก ฝังร่วมกับหม้อดินเผาอยู่บริเวณปลายเท้า
3.โครงกระดูกมนุษย์ หมายเลข 3 ฝังในลักษณะนอนหงายเหยียดยาว หันศีรษะไปทางด้านตะวันออก ฝังร่วมกับแวดินเผาอยู่บริเวณหน้าอก และหม้อดินเผาอยู่บริเวณกระดูกเชิงกราน
สิ่งเหล่านี้ สอดคล้องกับหลักฐานที่พบจากการดำเนินงานเมื่อ พ.ศ.2567 คราวที่พบ “แหวนทองคำ” สวมติดนิ้วมือซ้าย พร้อมต่างหูล้ำค่า เชื่อว่าเป็นศพชนชั้นนำยุคก่อนประวัติศาสตร์
ตัดภาพมาคราวนี้ สำนักศิลปากรที่ 10 ระบุ ชัดๆ อีกทีว่า นี่คือแหล่งฝังศพของชุมชนในวัฒนธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย สมัยเหล็ก ซึ่งกำหนดอายุอยู่ในช่วง 2,400-1,500 ปีมาแล้ว
วันนี้การขุดค้นยังคงเดินหน้าต่อไป โดยมีการแจกเทียบเชิญผ่านโลกออนไลน์ให้ประชาชนแวะเวียนมาเยี่ยมชมหลุมขุดค้น ไม่ได้ล้อมรั้วหวงห้ามเป็นความลับดำมืด
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีนิทรรศการข้างหลุมขุดค้น ‘สืบร่องรอยมนุษย์โบราณเมืองเก่านครราชสีมาจากหลักฐานทางโบราณคดี’ ที่แวะมาส่องได้ตั้งแต่ 09.30-16.00 น. ชมได้ยาวๆ ถึง 11 กุมภาพันธ์ โดยมีนักโบราณคดีคอย ‘บริการความรู้’
อีกมุมน่าสนใจคือการออกมาส่งเสริม ‘การมีส่วนร่วม’ กับผู้คนในท้องถิ่น
วรรณพงษ์ ปาลกะวงษ์ ณ อยุธยา นักโบราณคดีชำนาญการ สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา กระซิบเรื่องไม่ลับ ว่ามีการชนหมัดแปะมือกับนักศึกษาสาขาสังคมศึกษา จากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา สถาบันการศึกษาในท้องถิ่น ให้ใช้พื้นที่ศึกษาในวิชา ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเมืองนครราชสีมาฝึกการวิเคราะห์หลักฐานทางโบราณคดี
เท่านั้นไม่พอ ยังผายมือให้นักศึกษาสาขาวิชาชีววิทยา สถาบันเดียวกัน ร่วมศึกษาสภาพแวดล้อมโบราณ ผ่านเมล็ดพืช ละอองเรณู และหินพืชในดินที่ได้จากหลุมขุดค้น นำไปสู่การบูรณาการทางวิชาการ เพื่อสะท้อนให้เห็นความเป็นสหวิทยาการของงานโบราณคดี
นักศึกษาทุกคนที่กล่าวมานี้ อยู่ในฐานะ ‘อาสาสมัครการขุดค้นทางโบราณคดี’ หรือ ‘อาสาสมัครโบราณคดีราชสีมา’ ที่มีส่วนช่วยในการรักษามรดกวัฒนธรรม
หลุมขุดค้นแห่งนี้ จึงกลายเป็น ‘แหล่งเรียนรู้เฉพาะกิจ’ ไปโดยปริยาย
นับเป็นอีกแง่มุมดีๆ ที่ต้องหนุน เมื่อทุนทางวัฒนธรรมที่ยั่งยืนของชาติไม่อาจถูกรักษาไว้ได้ด้วยคนเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หากแต่ผู้คนในท้องถิ่นย่อมมีส่วนสำคัญยิ่งในฐานะเจ้าของชาติที่แท้จริง
พันธุ์ทิพย์ ธีระเนตร