สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม โตโยต้า บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นรายงานผลประกอบการว่า มีกำไรสุทธิประจำปีลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ขณะที่ระบุด้วยว่าต้นทุนในโครงการจูงใจลูกค้าและเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น เป็นภัยคุกคามที่อาจทำให้ผลประกอบการย่ำแย่ลงไปอีก
การประเมินในทางลบแสดงให้เห็นว่า ที่ผ่านมาบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ในญี่ปุ่นซึ่งรวมถึงคู่แข่งของโตโยต้าอย่าง นิสสัน และฮอนด้า ได้รับผลประโยชน์เป็นอย่างมากจากการอ่อนค่าของเงินเยนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ทว่าการแข็งค่าอย่างมากของเงินเยนในช่วงต้นปีงบประมาณที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่มีแรงผลักดันมาจากการออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของอังกฤษ (เบร็กซิท) และตลาดหุ้นทั่วโลกที่ร่วงลง ส่งผลต่อกำไรของโตโยต้า
โตโยต้ายังระบุด้วยว่า คาดว่าจะได้รับผลกระทบในทางลบจากค่าเงินอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ขณะที่ค่าใช้จ่ายในโครงการจูงใจในตลาดทวีปอเมริกาเหนือส่งผลให้กำไรจากการดำเนินการลดลง 35 เปอร์เซ็นต์
โดยรวมแล้ว โตโยต้ามีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.83 ล้านล้านเยน (ราว 556,000 ล้านบาท) ในปีงบประมาณที่ผ่านมาซึ่งนับจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม ลดลงราว 21 เปอร์เซ็นต์จากกำไรสุทธิมากเป็นประวัติการณ์ที่ 2.31 ล้านล้านเยน (ราว 700,000 ล้านบาท) และมีรายรับลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 27.6 ล้านล้านเยน
ทั้งนี้ โตโยต้าซึ่งเพิ่งจะสูญเสียตำแหน่งบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่มียอดขายมากที่สุดของโลกเมื่อปีที่ผ่านมาให้กับโฟล์กสวาเก้น คาดการณ์ว่าในปีงบประมาณนี้ซึ่งนับถึงเดือนมีนาคม 2561 ทางบริษัทจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ราว 1.5 ล้านล้านเยน ต่ำกว่าที่ตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 1.9 ล้านล้านเยน
ขณะที่ยอดขายรถของโตโยต้าเพิ่มขึ้นจาก 10.09 ล้านคันเมื่อปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 10.25 ล้านคันในปีนี้ โดยยอดขายในอเมริกาเหนืออยู่ในระดับเดิม ขณะที่ยอดขายในยุโรป ญี่ปุ่น และเอเชียเพิ่มขึ้น ส่วนยอดขายในอเมริกากลาง อเมริกาใต้ แอฟริกาและตะวันออกกลางลดลง
