คสช.ซัดมือลอบวางบึ้ม ฝีมือคนคิดแผลงๆหวังสร้างข่าวจุดกระแส ยังตอบไม่ได้กลุ่มไหน

คสช.ซัด มือระเบิดโรงละครแห่งชาติ ฝีมือ คนคิดแผลงๆ หวังจุดกระแส เข้ม จนท.ตื่นตัว หวั่นเกิดซ้ำรอย เผย “บิ๊กเจี๊ยบ”ย้ำ การข่าว-หามาตรการอุดช่องโหว่ ยก3 ปี คสช. ไม่เสียของ

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีเหตุระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ กรุงเทพฯเมื่อ 15 พฤษภาคม ที่ผ่านมาว่า โดยทางตำรวจออกมาระบุว่าเหตุระเบิด บริเวณโรงละครแห่งชาติ มีลักษณะคล้ายคลึงกับในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ว่า เรื่องนี้จะต้องฟังข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหลัก โดยการนำสิ่งของมาวิเคราะห์ว่าจะเชื่อมโยง หรือไม่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับวัตถุพยานการประกอบ วิธีการนำมาใช้ สถานที่ พื้นที่ที่จะนำมาใช้ วัตถุประสงค์เจตนารมณ์ที่ต้องการทำ จะสามารถวิเคราะห์ได้ว่าเป็นบุคคลที่มีขีดความสามารถ และกลุ่มใดที่มีความรู้ที่จะทำเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้พื้นที่บริเวณสนามหลวงเป็นพื้นที่ที่อ่อนไหว เพราะปัจจุบัน มีงานสำคัญ คือเข้ากราบพระบรมศพ แต่เป็นบททดสอบอย่างหนึ่ง ในเรื่องของมาตรการการดูแลรักษาความปลอดภัย ซึ่งอาจจะมีความถี่น้อยไป มันจะต้องเพิ่มความถี่ในการลาดตระเวน เข้าตรวจเฝ้าดู ซึ่งระบบการรักษาความปลอดภัยบริเวณพื้นที่สนามหลวงจะแบ่งออกเป็นชั้นๆ ซึ่งบริเวณชั้นในจะมีความเข้มงวดสูงสุด มีพื้นที่คัดกรองคนที่จะเข้าไปสู่ชั้นใน ชั้นกลางมีการวางกำลัง และชั้นนอก ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดในพื้นที่ชั้นนอก แต่เราไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้

“อาจจะมีคนที่คิด หรือพยายาม มองว่าถ้าตอนนี้สามารถจุดกระแสแห่งความสับสนวุ่นวาย จนทำให้เกิดความตื่นตระหนก ในลักษณะการก่อกวน ก็อาจมีคนคิดอะไรแปลกๆแผลงๆอยากจะสร้างกระแส จุดประเด็นเหล่านั้น ส่วนจะเป็น กลุ่มไหนนั้นยังตอบไม่ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จะต้องติดตาม มีความตื่นตัวมากขึ้น ตรงไหนที่จะเป็นช่องว่าง ก็จะต้องนำไปสู่การแก้ไข อย่างทันท่วงที เพราะเหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดขึ้นอีกก็ได้ จึงต้องหามาตรการที่เหมาะสม และไม่ทำให้ประชาชนรู้สึกอึดอัด หรือตื่นตระหนกจนเกินไป ทั้งนี้หากเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามมาตรการเหล่านี้แล้วยังไม่เพียงพอก็จะต้องเพิ่มมาตรการเข้าไป รวมถึงขอความร่วมมือประชาชนในการแจ้งเบาะแส” พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าว

พ.อ.ปิยพงษ์ กล่าวอีกว่า มีคนเป็นล้านคนที่ตั้งใจเข้าไปกราบพระบรมศพ แต่อาจจะมีคนเพียงสิบ หรือไม่ถึงร้อย ที่คิดแผลงๆในการสร้างความสำคัญ จุดกระแสแห่งความวุ่นวาย สับสน สร้างภาพข่าวให้เกิดขึ้น ซึ่งวัตถุพยานที่ปรากฏ ทราบกันดีว่าต้องการเพียงให้เกิดเสียงดังเท่านั้น ไม่ได้เป็นเหตุนำไปสู่ การสูญเสียชีวิต ทรัพย์สินหรือสิ่งของ เพียงแต่ต้องการเสียงดังๆไม่ทำร้ายคน ซึ่งการคิดแบบนี้และสร้างกระแสแบบนี้ ต้องเป็นคนที่คิดไม่เหมือนคนทั่วไป เราก็ต้องหามาตรการ เพิ่มเติมมากขึ้น เช่น การขยายพื้นที่เพิ่มความเข้มข้นในการดูแลออกไปอีก ถือเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่ดูแลและมีการบูรณาการร่วมกัน ในนามของกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่เขตพระบรมมหาราชวัง

Advertisement

พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการฝ่าย คสช. ตรวจสอบเหตุเสียงดังคล้ายระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ทาง คสช. ได้มีการประสานข้อมูลร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ขอให้รอความชัดเจนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ คสช. ยังไม่อยากพาดพิง หรือ คาดการณ์ว่าเหตุการณ์ระเบิดดังกล่าวเชื่อมโยงกับใคร เพราะความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองต้องมาก่อน ในขณะที่ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการ คสช. เน้นย้ำเรื่องงานด้านการข่าวและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน พร้อมระบุว่า อะไรที่เป็น ช่องว่าง รอยต่อ ขอให้เพิ่มความเข้มงวดในการดูแล

พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวถึงผลงาน 3 ปีของ คสช. ว่า สำหรับในช่วงสุดท้ายของ คสช.งานต่างๆ ที่ยังทำไม่แล้วเสร็จก็จะต้องเร่งเดินหน้าในกรอบเวลาที่มีอยู่เพื่อวางอนาคตและรากฐานของประเทศ เพื่อส่งต่อให้กับรัฐบาลชุดใหม่เพื่อให้การบริหารงานไม่สะดุดติดขัดและราบรื่น และยืนยันว่า 3 ปีของ คสช. ไม่มีอะไรเสียของแน่นอน เพราะเราทำให้ 3 ปีของประชาชนมีความสุข ความสงบ นี่คือของที่มีคุณค่า ได้ทวงคืนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ถูกนำไปเป็นของส่วนตัวกลับคืนมา มากกว่า 3.5 แสนไร่ ทวงคืนแม่น้ำลำคลอง พื้นที่ที่ดินสาธารณะ จัดสรรที่ทำกินให้กับประชาชน จัดระเบียบสังคม การจราจร การจับกุมอาวุธสงคราม ยาเสพติดรวมถึงความคืบหน้าคดี ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่น ข้อร้องเรียนของประชาชนหลายหมื่นเรื่อง ที่ผ่านศูนย์ดำรงธรรมก็ได้รับการแก้ไข แต่ยอมรับอีกว่าสิ่งที่ รัฐบาลและ คสช.ได้รับการท้วงติง คือเรื่องของเศรษฐกิจ ซึ่งเราก็ไม่ได้เพิกเฉย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image