ตามรอย ‘2 ยุวกษัตริย์’ ในเมืองมองเทรอซ์ สวิตเซอร์แลนด์

Caux Palace ซึ่งปัจจุบันเป็นสถาบันสอนการโรงแรม Swiss Hotel Management School-SHMS

การได้มาเยือนเมืองมองเทรอซ์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์นั้นอาจไม่ใช่เรื่องยากหรือเป็นทริปที่แพงจนเกินเอื้อมมากเท่าใดนักในปัจจุบัน แต่ก็เชื่อได้ว่าน้อยคนนักจะมีโอกาสได้ขึ้นมาเยือน Caux Palace ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นโรงแรมหรูชื่อว่า Palace Hotel และปัจจุบันเป็นสถาบันสอนการโรงแรมระดับโลกชื่อ Swiss Hotel Management School-SHMS

เมื่อครั้งยังเป็นโรงแรม ที่นี่มีคนดังเคยมาพำนักมากมาย ที่ชาวเมืองภูมิใจบันทึกไว้ก็คือจักรพรรดินีเอลิซาเบธแห่งฮังการี ซึ่งชาวโลกต่างยกย่องว่าเลอโฉมยิ่งนัก ก็เคยมาพักในบ้านย่านใกล้เคียง แล้วมาใช้โรงแรมแห่งนี้เป็นสถานที่จัดเลี้ยงสังสรรค์กับบรรดาชนชั้นสูงของสวิตเซอร์แลนด์ องค์ดาไลลามะที่ 14 เทนซิน เกียตโซ และ นายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติก็เคยมาพำนักที่นี่

นอกจากนี้ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โรงแรมแห่งนี้ก็ยังกลายเป็นค่ายผู้ลี้ภัยของทหารอังกฤษที่หนีข้ามเทือกเขาแอลป์มาจากค่ายเชลยศึกทางฝรั่งเศสด้วย ซึ่งมีหลักฐานเป็นแผ่นป้ายศิลาติดแนบอยู่ที่ชานชาลารถไฟข้างโรงแรม

แผ่นป้ายศิลารำลึกถึงทหารอังกฤษที่มาลี้ภัยสงคราม
สถานีรถไฟโกซ์


นอกเหนือจากบุคคลสำคัญที่เคยมาพำนักและประวัติศาสตร์สงครามโลกที่ทำให้สถานที่แห่งนี้น่าสนใจแล้ว ด้วยตัวอาคารเองที่ตั้งโดดเด่นอยู่บนเนินเขาที่เปิดกว้างสู่เทือกเขาแอลป์และทะเลสาบเลอมองต์ (ทะเลสาบเจนีวา) ยังเปี่ยมเสน่ห์ที่ไม่อาจมีสถานที่ใดเทียบเคียงได้ ภาพความงดงามของธรรมชาติที่สุดแสนสวยงามของสวิตเซอร์แลนด์สามารถมองได้อย่างเต็มตาจากมุมนี้เพียงเท่านั้น

Advertisement

จึงไม่แปลกที่เมืองเล็กๆ บนภูเขาโกซ์แห่งนี้จะเป็นจุดหมายปลายทางดึงดูดให้ผู้คนมาพำนักให้ได้สักครั้งในชีวิต ซึ่งสองพี่น้องยุวกษัตริย์ไทย ร.8 และ ร.9 ก็เคยเสด็จฯมาประทับที่บ้านบนเนินเขาใกล้กับโรงแรมพระราชวังมาแล้วครั้งหนึ่งเป็นเวลาประมาณ 6 เดือน

ซึ่งมีหลักฐานบรรยายเป็นลายลักษณ์อักษรในหนังสือ เจ้านายเล็กๆ-ยุวกษัตริย์ พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา โดยระบุว่า “หลังจากที่ทราบว่า ร.7 สละราชสมบัติแล้ว ทางรัฐบาลไทยจะอัญเชิญ ร.8 ขึ้น หนังสือพิมพ์มารบกวนจนทนไม่ไหว แม่จึงเชิญเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ใหม่และพระอนุชา พร้อมทั้ง เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ และ นายดิเรก ชัยนาม หลบไปที่เมืองภูเขาโกซ์อยู่พักหนึ่ง แต่ก็ต้องกลับโลซานในไม่ช้า เพราะรัฐบาลสวิสมาขอถวายพระพรกษัตริย์ไทยพระองค์ใหม่…”

แผนที่ตั้ง Le Chalet de Caux

แม้จะมีบันทึกไว้เช่นนี้ แต่ก็ไม่เคยมีใครได้เห็นบ้านหลังที่พำนักในเมืองภูเขาโกซ์ที่ว่าเลย เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า บ้านหรือสถานพำนักในสวิตเซอร์แลนด์ของครอบครัวมหิดลนั้นคือ “วิลล่าวัฒนา” ในเมืองโลซานเท่านั้น ที่อื่นๆ ที่ไปพำนักย่อมเป็นเพียงการไปตากอากาศหรือเปลี่ยนบรรยากาศ จึงไม่ใคร่มีใครให้ความสำคัญ

แต่นัยในพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ที่ระบุว่า ไปพำนักในช่วงยามผ่านฟ้าเช่นนี้ แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ย่อมมีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์ไม่น้อย ดังนั้นการได้มาเห็นสักครั้งหนึ่งในชีวิตย่อมเป็นเรื่องดีไม่น้อย

ทันทีที่ คุณป้าแอนน์ มารี อดีตที่ปรึกษา Swiss Hotel Management School-SHMS อาสาพาไปชม จึงตอบรับในทันที

คุณป้าแอนน์ มารี เล่าด้วยน้ำเสียงประหม่าและออกตัวว่าข้อมูลนี้อาจจะไม่จริงก็ได้ แต่ชาวมองเทรอซ์ โดยเฉพาะคนในเมืองบนภูเขาโกซ์แห่งนี้ต่างเชื่อว่าที่นี่เคยเป็นที่พำนักของกษัตริย์ไทยจริง พร้อมทั้งแสดงเอกสารและภาพถ่ายที่เก็บเข้าแฟ้มไว้อย่างดีมาเปิดเผย โดยระบุว่าเธอได้มาจากผู้ดูแลบ้านพักหลังนี้อีกที จึงนับว่าเป็นบุญตาและบุญใจในความเอื้ออารีของคุณป้า

 

สองยุวกษัตริย์และพระชนนีหน้าบ้านพักเมืองโกซ์
ภาพ Le Chalet de Caux ในอดีต


บ้านหลังนี้มีชื่อว่า Le Chalet de Caux ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือขึ้นไปจาก Palace Hotel ไม่ไกลนัก โดยใช้เวลาเดินไต่วนตามเนินโค้งไปไม่เกิน 10 นาที

แอนน์ มารี


คุณป้าแอนน์ มารี ในวัย 72 ปีเล่าว่า เดิมอาคารนี้เป็นสถานรับเลี้ยงเด็ก ซึ่งจากรูปถ่ายที่ค้นพบนี้ยืนยันว่าพระมหากษัตริย์ไทยทั้งสองพระองค์เคยเสด็จฯมาประทับที่นี่เป็นเวลาสั้นๆ จริง ระหว่างปี 1933-1934 และเป็นช่วงฤดูหนาวที่หิมะปกคลุมไปทั้งภูเขา แนวระเบียงไม้ กันสาด หลังคา และบานหน้าต่างของรูปในอดีตเมื่อเทียบกับภาพในปัจจุบันบ่งชัดว่าเป็นสถานที่เดียวกันอย่างแน่นอน จึงยังความปลื้มปีติมาให้กลุ่มคนไทยไม่กี่คนที่ได้มีโอกาสมาเยือน

แม้พระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์จะเสด็จฯมาประทับที่นี่เพียงไม่นาน และไม่ได้เป็นการถาวร แต่สำหรับชาวไทยแล้วเชื่อได้ว่าการได้มาเห็นรอยพระยุคลบาทในต่างแดนเช่นนี้ย่อมประทับตรึงในใจไม่รู้ลืม

หน้าทางเข้า Le Chalet de Caux
อีกมุมของ Le Chalet de Caux
ทางเข้าจากบนเนินด้านทิศตะวันออกของตัวบ้าน
สภาพภายนอกของตัวอาคารที่ถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี

ปัจจุบันอาคารหลังนี้ถูกเช่าไว้โดย Swiss Education Group เพื่อให้นักศึกษาที่ฝึกงานกับ SHMS พัก โดยคงสภาพภายนอกไว้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงดังภาพ ส่วนภายในนั้นได้ถูกดัดแปลงไปเกือบหมดเพื่อให้เข้ากับความทันสมัยในปัจจุบัน และเหมาะกับการพักอาศัยของนักศึกษา

สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ามาชม Le Chalet de Caux ต้องติดต่อกับทางสถาบัน SHMS ล่วงหน้าก่อน ไม่สามารถเดินดุ่มๆ เข้ามาได้เอง

ส่วนการเดินทางก็แสนจะสะดวกสบาย เพราะสามารถนั่งรถไฟขบวนเก่าแก่จากสถานีมองเทรอซ์ไต่เขาขึ้นมาได้เลย แค่บรรยากาศระหว่างทางลาดชันก็น่าจะสร้างความประทับใจเมื่อแรกพบได้อย่างแน่นอน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image