มติชนเฮลท์แคร์คึกคัก อภัยภูเบศรโชว์ “ข้าวไทย”มีฤทธิ์ ฆ่าเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก ทางออกของคนหัวล้าน

เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ที่เพลนารีฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศวันที่ 3 ของการจัดงานมติชนเฮลท์แคร์2017 “ฟิตเกินวัย ใจเกินร้อย” ระหว่างวันที่ 1-4 มิถุนายน 2560 ซึ่งบริษัท มติชน จำกัด(มหาชน) ร่วมกับองค์กรภาครัฐและเอกชน ร่วมกันจัดงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 ซึ่งภายในงานได้รับการตอบรับจากประชาชนที่ทยอยเดินทางเข้าร่วมงานมากมาย โดยเฉพาะโซนตรวจสุขภาพฟรีจาก 16 โรงพยาบาลชั้นนำของเมืองไทย อาทิ รพ.รามาธิบดี รพ.จุฬาภรณ์ รพ.บ้านแพ้ว(องค์การมหาชน) รพ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น ศูนย์ถันยรักษ์ รพ.ศิริราช ฯลฯ หรือแม้แต่โซนสมุนไพรไทย ที่ได้รับความร่วมมือจากมูลนิธิรพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร มาให้ความรู้เรื่องสุขภาพของผู้สูงวัยอย่างครบครัน ทั้งการดูแล ป้องกัน และรักษา รวมทั้งแสดงสวนสมุนไพร และแจกต้นสมุนไพรตลอดทั้งงาน โดยในวันที่ 3 มิถุนายน ได้แจกต้นกระดูกไก่ดำ หรือบัวฮาดำ ซึ่งถือเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงร่างกาย แก้หวัด แก้ลมจุกเสียด โดยมีฤทธิ์ในการเพิ่มภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันไวรัสไข้หวัดใหญ่ และในวันที่ 4 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของงานเฮลท์แคร์ ยังเตรียมแจกต้นเล็บครุฑจำนวน 100 ต้น แบ่งเป็นช่วงเช้าเวลา 11.00 น.จำนวน 50 ต้น และเวลา 15.00 น.แจกอีก 50 ต้น ซึ่งต้นเล็บครุฑ จัดเป็นไม้มงคล และยังมีสรรพคุณบำรุงสมอง ช่วยย่อยอาหารอีกด้วย

ต่อมาเวลา 12.00 น. มีกิจกรรม Special Talk : มหัศจรรย์ข้าวไทย ในมิติด้านสุขภาพ โดย ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว เภสัชกรชำนาญการ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ให้ความรู้แก่ประชาชนที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ ว่า ข้าว นอกจากเป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรตแล้ว ยังมีโปรตีนอีกประมาณร้อยละ 7-10 แต่ปัญหาคือ ปัจจุบันการรับประทานข้าวอาจไม่ได้โปรตีนมากนัก เนื่องจากเป็นข้าวขาว มีการขัดสีทำให้สูญเสียโปรตีนไปร้อยละ 30 ดังนั้น หากจะกินข้าวให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วน ควรหันมาทานข้าวกล้อง หรือข้าวซ้อมมือ ซึ่งจะได้ทั้งคาร์โบไฮเดรต และโปรตีน ที่สำคัญข้าวกล้องยังพบว่า มีไฟเบอร์ช่วยเรื่องกากใยด้วย ทั้งนี้ หลายคนมักบอกว่ากินข้าวมากๆ ทำให้อ้วน ดังนั้น จึงควรหันไปกินเป็นข้าวกล้องก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีเช่นกัน

Advertisement

ภญ.ผกากรอง กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีการพัฒนาสายพันธุ์ข้าว อย่างข้าวไรซ์เบอรี่ ซึ่งมีสารช่วยต้านอนุมูลอิสระ เมื่ออายุมากขึ้น จะมีสารอนุมูลอิสระในร่างกาย ทำให้ไปทำลายเซลล์ต่างๆ เกิดความเสื่อมขึ้น ทำให้เป็นโรคง่าย ดังนั้น การกินข้าวคงไม่ใช่แค่ให้พลังงานเท่านั้น แต่ยังพบว่า เป็นตัวเสริมในการป้องกันโรคเรื้อรังได้ด้วย ซึ่งทุกวันนี้ข้าวมีหลากหลายสายพันธุ์ ที่สามารถเลือกมาใช้ในการดูแลสุขภาพได้ไม่ยาก เช่น ข้าวหอมมะลิ อุดมไปด้วยธาตุสังกะสี ช่วยในการเผาผลาญพลังงาน ข้าวสังข์หยด มีวิตามินบี 6 ช่วยเรื่องแก้เหน็บชา บำรุงระบบประสาท หรือคนมีปัญหาย่อยอาหาร ก็กินข้าวเจ้าเหลือง มีไฟเบอร์สูง ช่วยย่อยอาหาร และการขับถ่ายของร่างกาย หรือแม้แต่ข้าวเหนียวลืมผัว มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

“การรับประทานนั้นควรบริโภคประมาณ 2-4 ทัพพี อย่างข้าวกล้องเราก็ใช้วิธีผสมข้าวขาวก่อน แล้วค่อยเพิ่มเรื่อยๆจนชิน ช่วงเช้าหรือเที่ยงทาน 2 ทัพพี พอเย็นค่อยเหลือ1 ทัพพี ข้าวยังสามารถแปรรูปได้หลายอย่าง อย่างตำรับยาจากข้าว เราพบว่า ข้าวกล้องงอก สารกาบา ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่มีฤทธิ์ช่วยทำให้สมองผ่อนคลายและนอนหลับสบาย ในข้าวกล้องงอกมีสารกาบามากกว่าข้าวกล้องทั่วไปถึง 15 เท่า ซึ่งจากสรรพคุณข้าวกล้องงอก ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระองค์ทรงเสวยน้ำข้าวกล้องงอก ซึ่งมีประโยชน์มากมาย” ภญ.ผกากรอง กล่าว

Advertisement

ภญ.ผกากรอง กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังพบว่าน้ำซาวข้าว มีสรรพคุณมากมาย ทั้งนำมาทำความสะอาดหน้า ให้ผิวเปล่งปลั่ง เป็นนวลใยไร้สิว แป้งข้าวจ้าว ใช้กล่อมผิว ให้ผิวสวย ไร้ผดผื่นคัน หรือแม้แต่ข้าวสารแห้ง ยังมาทำเป็นลูกประคบแก้ปวดเมื่อยแก้บวมได้ ที่สำคัญ หลายคนอาจไม่ทราบ ว่า รำข้าวมีสรรพคุณหลากหลาย โดยพบว่า รำข้าว สามารถแก้ปัญหาหัวล้าน ทำให้ผมงอกได้ โดยจัดทำเป็นตำรับยารำข้าวทีเดียว ประกอบด้วย รำข้าว 10 กรัม แป้งข้าวเจ้า 5 กรัม น้ำมันงา 10 ซีซี ขี้ชีโคก 10 กรัม นำมาพอกศีรษะ พันผ้าทิ้งไว้ประมาณ 2-3 วัน แล้วล้างออก ซึ่งปัจจุบันทางรพ.อภัยภูเบศรยังร่วมกับศูนย์นาโนเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) ทำเป็นครีมน้ำมันรำข้าวด้วย

ภญ.ผกากรอง กล่าวว่า ปัจจุบันยังพบว่า สารสำคัญน้ำมันรำข้าว มีสารกันแสงโดยธรรมชาติอีกด้วย ซึ่งมีการจดสิทธิบัตรในสหรัฐอเมริกา และจากคุณสมบัติดังกล่าวก็พบว่า น้ำมันรำข้าวเหมาะเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์สำหรับผิว เพราะมีโมเลกุลเล็ก ซึมซาบได้ลึกกว่า โดยไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้ที่ผิว ดังนั้น แม้ต่างประเทศจะมาจดสิทธิบัตร แต่หากเราหันมากินมาใช้ข้าว ก็จะมีงานวิจัยมากมายๆ หันมาศึกษาวิจัยพัฒนากลายเป็นนวัตกรรมของเราได้อีกมากมาย

“น้ำมันรำข้าว ถือเป็นเรื่องที่น่าศึกษาวิจัยมาก เพราะสารจากน้ำมันรำข้าวพบว่า ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ในร่างกายปรับสมดุลฮอร์โมน เนื่องจากมีวิตามินอี ในกลุ่มแอลฟ่า โทโคฟีรอล และ แกมมา ออโรซานอล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ พบว่าหากเรารับประทานน้ำมันรำข้าวจะพบว่าร้อยละ 70 ลดการแปรปรวน อารมณ์วูบวาบของหญิงวัยทองได้ ขณะเดียวกันงานวิจัยคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ยังพบว่า แกมมาในน้ำมันรำข้าว มีฤทธิ์ฆ่าเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก และยังป้องกันการกระจายตัวของเซลล์มะเร็ง ไม่ให้แพร่กระจายไปอวัยวะอื่นๆ และยังมีฤทธิ์เพิ่มภูมมิคุ้มกันและป้องกันมะเร็งเต้านม ปอด ลำไส้ใหญ่ ที่สำคัญน้ำมันรำข้าว ยังพบว่ามีรายการการศึกษาลดความเสี่ยงเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ เนื่องจากกรดไขมันอิ่มตัวน้อย คือ ไม่มีผลเพิ่มไขมันตัวไม่ดีนั่นเอง” ภญ.ผกากรอง กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสรรพคุณของข้าวไทย ภายในงานอภัยภูเบศรยังสอนวิธีทำข้าวกล้อง น้ำข้าวกล้อง และเผยเคล็ดลับตำรับยาจากข้าวอีกด้วย นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมอื่นๆอีกที่น่าสนใจ ทั้ง เวลา 14.50 น.หัวข้อ Doctor Talk : กระดูกและข้อเสื่อมป้องกันได้ โดย พญ.ซายน์ เมธาดิลกกุล แพทย์ชำนาญการ กลุ่มศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านออโธปิดิกส์ และ พญ.อลิสา ยาณะสาร แพทย์ชำนาญการ รพ.เลิดสิน Health Talk: กินคลีนแบบไทย กระชากวัยอย่างสง่า โดย อ.สง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการด้านโภชนาการชื่อดัง นอกจากนี้ ในช่วงเย็นยังมีหัวข้อน่าสนใจคือ Doctor Talk : ไขปัญหาสุขภาพฟันผู้สูงอายุ โดยผศ.ทพญ.อรพินท์ โคมิน ประธานหน่วยทันตกรรมผู้สูงอายุ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นต้น

น.ส.มยุรี นาคธรรมาภรณ์ ข้าราชการครูวัยกลางคน ให้สัมภาษณ์ระหว่างเที่ยวชมภายในงานว่า เป็นครั้งแรกที่เข้ามาร่วมงานเฮลท์แคร์ เนื่องจากทราบจากการโฆษณา ก็อยากมาเดินชม เพราะเป็นคนที่ดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพรต่างๆ ชอบมากที่สุดคือ โซนสมุนไพรของทางมูลนิธิรพ.อภัยภูเบศร เพราะให้ความรู้ดี อยากให้มีการจัดงานลักษณะนี้อีกเรื่อยๆ หากเป็นไปได้จัดปีละ 2 ครั้งก็ดี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image