นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณี 4 ชาติอาหรับตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ว่า เบื้องต้นจะกระทบกับการส่งออกของไทยโดยตรง ในสินค้าที่อยู่ระหว่างส่งไปกาตาร์ โดยเฉพาะที่ส่งทางเรือ เช่น ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ ยานยนต์ และที่ส่งทางเครื่องบิน เช่น ผักผลไม้ อัณมณี ขณะนี้กำลังติดตามสินค้าที่จะไปลงกาตาร์นั้น จะได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด ส่วนเรื่องราคาน้ำมันขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบต่อไทย แต่ก็มีความกังวลกันว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกอาจเพิ่มขึ้นจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวว่า หากเหตุการณ์ดังกล่าวยืดเยื้อออกไปอีก ก็จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมส่งออกไทย อันเป็นผลจากความผันผวนราคาน้ำมันในตลาดโลก และสินค้าอุตสาหกรรมหลักๆ ที่ส่งออกไปตะวันออกกลาง คือ รถยนต์ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็นและอาหาร ปีที่แล้วคิดเป็นสัดส่วนรวมกันกว่า 35% ของที่ส่งออกทั้งหมดไปตลาดตะวันออกกลาง หากมีปัญหาด้านการขนส่งสินค้า ก็จะมีผลต่อการส่งออกของไทยในกลุ่มสินค้าดังกล่าวด้วย เฉพาะในส่วนกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) 6 ประเทศ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย คูเวต โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ และบาห์เรน นั้น มีการส่งออกกดลุ่มรถยนต์มีสัดส่วน 23.3 % ของที่ส่งออกทั้งหมดกลุ่มนี้ หรือมีมูลค่า 406 เหรียญสหรัฐ และเครื่องปรับอากาศ มีมูลค่า 217 ล้านเหรียญสหรัฐ
นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวว่า แต่สถานการณ์นี้ยังมีโอกาสส่งออกได้เพิ่มขึ้น ในสินค้าอาหาร ผัก และผลไม้ หากผู้ส่งออกสามารถส่งตรงไปกาตาร์ได้ เพราะกาตาร์จำเป็นต้องนำเข้าสินค้าอาหารจากประเทศเพื่อนบ้านถึง 40 % ซึ่งปัจจุบันไทยส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งและอาหารกระป๋อง ไปเป็นส่วนใหญ่ ส่วนความขัดแย้งครั้งนี้ เป็นลักษณะการตั้งความสัมพันธ์ ยังไม่ถึงขั้นการคว่ำบาตร
“สนค.อยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ตัวเลขส่งออกภาพรวมของไทยปีนี้ ว่าจะปรับประมาณการตัวเลขส่งออกใหม่หรือไม่ ในช่วงปลายเดือนนี้ เนื่องจากช่วงต้นปี สนค. ตั้งประมาณการตัวเลขการเติบโตส่งออกไทยไว้ที่ 2.5 -3.5 % ภายใต้สมมติฐาน ค่าเงินบาท 34.5-37.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ราคาน้ำมันดิบโลกเฉลี่ย 50-60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ช่วงนี้ค่าเงินบาทได้แข็งค่าขึ้นมาเฉลี่ยที่ 34.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ซึ่งหากสถานการณ์ค่าเงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่อง ก็อาจจะต้องปรับใหม่ ตามปกติจะมีการปรับประมาณการเพียงปีละ 2 ครั้ง คือช่วงกลางปี และปลายปี แต่เป้าหมายการส่งออกที่รัฐบาลตั้งไว้ยังอยู่ที่ 5 % เหมือนเดิม”นางสาวพิมพ์ชนกกล่าว
นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาไทยส่งออกตรงไปยังกาตาร์มูลค่าประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยทางกรมฯกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสินค้า เช่น รถยนต์ เครื่องปรับอากาศ และตู้เย็น ที่ได้ขนส่งลงเรือที่จะไปที่ดูไบ ก่อนส่งไปกาตาร์แล้ว โดยกำลังประสานงานกับภาคเอกชนเพื่อรวบรวมข้อมูลต้องการให้กรมฯช่วยลดผลกระทบอย่างไรบ้าง การตาร์เป็นตลาดสำคัญอันดับ 3 ของไทยใน GCC รองจากซาอุดิอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
สำหรับการค้าระหว่างไทยกับกาตาร์นั้น ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ไทยส่งสินค้าตรงไปยังกาตาร์ มูลค่า 102.17 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 21.43% โดยสินค้าส่งออก 5 อันดับแรก ประกอบด้วย อัญมณี มูลค่า 27.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ, รถยนต์ 24.8 ล้านเหรียญ, เครื่องปรับอากาศ 16.2 ล้านเหรียญ, อาหารทะเลกระป๋อง มูลค่า 3.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และตู้เย็น 3.2 ล้านเหรียญสหรัฐ
