‘ประธานกสม.’ ออกปาก วิงวอนขอความเมตตากรธ. อย่าโละทิ้งทั้งองค์กร(คลิป)

วัส ติงสมิตร (แฟ้มภาพ)

ปธ.กสม. ชี้ ทฤษฎีปลาสองน้ำไร้เหตุผล วอนกรธ.เมตตาทบทวนเสนอใช้คุณสมบัติตัดสินแทนโละทิ้งทั้งองค์กร

เวลา 10.00 น. วันที่ 9 มิถุนายน ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายวัส ติงสมิตร ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติให้สัมภาษณ์ว่า ไม่เห็นด้วยกับการเซ็ตซีโร่ทั้งกกต.และกสม เนื่องจากมีการเปลี่ยนเหตุผลในการเซ็ตซีโร่ไปเรื่อย ๆ ในส่วนของกสม.ได้รับร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นครั้งที่สอง โดยจะส่งความเห็นของกสม.กลับไปให้กรธ.ภายในสัปดาห์หน้า มีประมาณ 20 ประเด็นที่เห็นว่าจะมีปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงมาตรา 60 ที่ให้เซ็ตซีโร่ กสม.ด้วย ล่าสุดมีการให้เหตุผลว่าหากไม่เซ็ตซีโร่จะมีปัญหาเรื่องปลาสองน้ำในการทำงาน ทั้งๆ ที่เกือบทุกองค์กรก็มีลักษณะปลาสองน้ำ แม้แต่องค์กรอิสระที่ไม่อยู่ในเกณฑ์ถูกเซ็ตซีโร่ ดังนั้นเหตุผลนี้จึงไม่ถูกต้อง

” ปลาน้ำเดียวไม่ว่าจะน้ำจืดหรือน้ำเค็ม ที่บอกว่าอร่อย ปลาสองน้ำอร่อยกว่า เช่นปลาแซลมอนเกิดในน้ำจืดจากภูเขา แต่โตในน้ำเค็มจากนั้นว่ายทวนน้ำขึ้นไปวางไข่และตายในน้ำจืด เป็นปลาสองน้ำที่ ทั้งอร่อยและมีประโยชน์ แต่ที่อร่อยกว่าปลาสองน้ำคือปลาสามน้ำ คือปลาคังที่อ.โขงเจียม เกิดจาก 3 น้ำมารวมกันคือโขง ชี และมูล เป็นปลาที่อร่อยที่สุด ดังนั้นจะปลาน้ำเดียว สองน้ำหรือสามน้ำ ไม่ใช่สาระสำคัญ แต่สำคัญที่ว่าปลาเหล่านั้นอร่อยและมีประโยชน์หรือไม่ เทียบกับองค์กรอิสระก็ทำนองเดียวกัน ถ้าเป็นปลาสองน้ำแล้วทำงานได้ดี มีประสิทธิภาพ ก็ควรให้ทำหน้าที่ต่อ ผมขอวิงวอนให้องค์กรที่เกี่ยวข้องพิจารณาด้วยความเมตตามากๆ ก่อนที่จะคิดว่าจะรีเซ็ตหรือให้ทำหน้าที่ต่อ เพราะถ้าให้พ้นจากหน้าที่ไปโดยที่กรรมการในองค์กรอิสระขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามซึ่งจะเป็นเรื่องเฉพาะรายที่เป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะคนที่เข้ามาทำหน้าที่ในองค์กรอิสระยอมทิ้งงานอื่นมารับใช้ประเทศ ถ้าทำงานไม่ดี ก็มีทางถอดถอนได้อยู่แล้ว”

Advertisement

นายวัส กล่าวอีกว่า หลังจากนี้กสม. ก็จะทำความเห็นไปให้กรธ.ตามขั้นตอน แต่ถ้าไม่สามารถยับยั้งได้แล้วมีการประกาศใช้ร่างกฎหมายดังกล่าว ก็ต้องยอมรับ เนื่องจากเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยจะไม่ใช้สิทธิส่วนตัวไปร้องตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญอีกเพราะคงเป็นเรื่องไม่เหมาะสมเนื่องจากเป็นผู้ทำหน้าที่เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน แม้ตัวเองจะถูกละเมิดแต่ถ้าจะต้องไปร้องเพื่อประโยชน์ตัวเอง ก็จะกลายเป็นปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนหรือแพ้แล้วไม่ยอมเลิก ดังนั้นถ้ากฎหมายมีผลบังคับใช้ตามร่างของกรธ.นี้จริงก็คงไม่สามารถทำอะไรได้ ตนก็คงกลับไปเลี้ยงหลาน หรือไม่ก็ท่องเที่ยว ปฎิบัติธรรม แต่ยืนยันในทางวิชาการว่าเซ็ตซีโร่ทั้งนี้ไมมีเหตุผลเพียงพอ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image