บทเรียนล้ำเลิศ ว่าด้วย ‘ประชาธิปไตย’ คำพูด กับ การทำ

หากมองจากมุมที่บรรดา “โฆษก” ทั้งหลายนั่งอยู่ ไม่ว่าจะเป็นระดับ “พลตรี” จากทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นระดับ “พันเอก” จาก คสช.

เหมือนกับ “สถานการณ์” จะรู้เห็น “เป็นใจ”

รู้เห็นและเป็นใจให้กระบวนการขับเคลื่อน “ร่าง” รัฐธรรมนูญฉบับ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เดินหน้าเข้าสู่เส้นชัยด้วยความคึกคัก

เห็นได้จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557

Advertisement

เห็นได้จากการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการจิตวิทยาจาก “กอ.รมน.” ประสานกับหนุ่มสาวจาก “รด.จิตอาสา”

ทำความเข้าใจ ชี้ให้เห็นความยอดเยี่ยมของ “รัฐธรรมนูญ”

เห็นได้จากความคึกคักของนายเสรี สุวรรณภานนท์ และนายวันชัย สอนศิริ ออกมา “เป่าลม” ให้กับกระบวนการสืบทอดอำนาจอย่างร่าเริงหฤหรรษ์

ระยะ “เปลี่ยนผ่าน” มากด้วย “ความหวัง” และยั่งยืน

เป็นความหวังที่จะได้เห็นประชาชนออกมาลงคะแนนเสียงมากกว่าร้อยละ 80 ของผู้มีสิทธิ เป็นความหวังที่ “ร่าง” รัฐธรรมนูญจะต้องเดินหน้าฉลุยผ่าน “ประชามติ”

การสืบทอดและต่อท่อแห่ง “อำนาจ” มองเห็นได้รำไร

กระนั้น เมื่อมองจากสภาพความเป็นจริงทางการปฏิบัติก็มีหลายบทบาท หลายพฤติการณ์ อันชวนให้เกิดความสงสัย คลางแคลงใจ

คลางแคลงใจต่อ “มาตรฐาน” ประชาธิปไตยระดับร้อยละ 99.99

ทาง 1 ประชาชนเห็นภาพการเดินหน้าโฆษณาความล้ำเลิศของ “ร่าง” รัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ และความสำเร็จตลอด 1 ปีกว่าของ คสช.

ขณะเดียวกัน ทาง 1 เห็นการสกัดและขัดขวาง

เป็นการสกัดขัดขวางมิให้ “พรรคการเมือง” สามารถประชุม หารือ กระทั่งสามารถเคลื่อนไหวในท่ามกลางประชาชน

กรณีการอุ้มนายวัฒนา เมืองสุข เข้า “ปรับทัศนคติ” นับว่าหวาดเสียว

ทาง 1 สองหูของประชาชนได้รับการป่าวร้องอย่างต่อเนื่องในเรื่องรัฐธรรมนูญฉบับ “ปราบโกง” จะไม่ยอมให้พื้นที่กับการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเด็ดขาด

ขณะเดียวกัน ทาง 1 ก็เริ่มไม่แน่ใจว่า การทุจริตคอร์รัปชั่นหมดสิ้นไปจริงหรือไม่

เพราะเมื่อมีการร้องเรียนในเรื่อง “อุทยานราชภักดิ์” ก็ถูกจับ เพราะเมื่อมีการร้องเรียนในเรื่อง “ขุดลอกคูคลอง” ก็หายเงียบไปในความว่างเปล่า เพราะเมื่อมีการปูดข้อมูลในเรื่องการซื้อขายตำแหน่งบุคคลระดับ พล.ร.อ.ก็ถูกฟ้องร้อง

เหล่านี้เป็น “ประชาธิปไตย” แบบไหนกัน

ไม่ว่าจะเป็นการพูดอันมาจากปากของโฆษกระดับพลตรีจาก “ทำเนียบรัฐบาล” ไม่ว่าจะเป็นการแถลงอันมาจากปากของโฆษกระดับพันเอกจาก “คสช.”

ประชาชนพร้อม “ล้างหู” น้อมรับฟังอย่างสงบ

ไม่รับฟังก็ไม่ได้ เพราะทั้งหมดนี้ล้วนเป็น “นาฏกรรมแห่งสื่อ” อันประโคมโหมซ้ำมาจากกลไกอำนาจรัฐ

เป็นการบังคับให้ “ดู” เป็นการบังคับให้ “ฟัง”

กระนั้น ภายในการดู ภายในการฟัง อย่างเงียบสงบของประชาชน หากวิเคราะห์ผ่านนักสำรวจจากสำนักสถิติแห่งชาติ อาจเห็นถึงระดับร้อยละ 99.5 ว่า

เห็นด้วยและชื่นชมกับผลงานของ คสช. ของรัฐบาล

แต่ในความเป็นจริงก็คือ ตาของประชาชนมิได้เป็นตาไม้ หูของประชาชนมิได้เป็นหูกระทะ เมื่อผ่านในแต่ละอายตนะไปแล้วก็นำไปสู่การสังเคราะห์ นำไปสู่การประมวล และนำไปสู่การวิเคราะห์

เลือกกากเอาแก่น เลือกกระพี้เอาของจริง

เป็นการสังเคราะห์ ประมวล ศึกษาและลงมือวิเคราะห์ตามความจัดเจนอันเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านระดับยอดเยี่ยม

นั่นก็คือ เมื่อท่าน “พูด” ประชาชนจะ “ฟัง”

นั่นก็คือ เมื่อท่านลงมือ “ทำ” ประชาชนจะ “เชื่อ”

จากนี้จึงเห็นได้อย่างเด่นชัดถึงเอกภาพและความขัดแย้งระหว่าง “การพูด” กับ “การทำ”

เราไม่อาจตัดสินคุณภาพของคนได้จากการพูด เราจำเป็นต้องตัดสินและให้ความเชื่อถือคนจากที่เมื่อเขาพูดแล้วเขาลงมือทำอย่างที่พูดหรือไม่

ปฏิบัติการที่เป็นจริงต่างหากคือเครื่องพิสูจน์

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image