ท่าที ลีลาใหม่ ท่าที ‘การเมือง” นำ จาก “ผบ.ทบ.”

ทําไมการสยบ “ปาร์ตี้ 40 อดีต ส.ส.” ที่เซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว ถึงต้องมอบหมายให้เป็นภารกิจของ “ตำรวจ”

ในอีกด้านของคำถามก็คือ ทำไมไม่เป็น “ทหาร”

เหมือนกับปรากฏการณ์ระเบิดที่ “ห้องวงษ์สุวรรณ” โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อตอนสายของวันที่ 22 พฤษภาคม ทุกอย่างจึงรวมศูนย์อยู่ที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา และ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล อย่างเป็นด้านหลัก

ทั้งๆ ที่ พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ก็ออกตัวแรง

Advertisement

หากสดับจาก “น้ำเสียง” ล่าสุดอันเกี่ยวกับการเดินทางไปยังบ้าน นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ที่มหาสารคาม การส่งเทียบเชิญ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ เข้าหารือที่กองทัพภาคที่ 1 จากปาก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.

แล้วค่อยๆ ทำความเข้าใจ ก็จะประจักษ์

คําว่า “ประจักษ์” ในที่นี้สะท้อนไม่เพียงความคิดในกระสวนแบบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท เท่านั้น หากแต่มีรากฐานมาจากสภาพความเป็นจริง

Advertisement

1 สภาพความเป็นจริงหลัง “รัฐธรรมนูญ” ประกาศและบังคับใช้

ขณะเดียวกัน 1 ซึ่งสำคัญยังเป็นสภาพความเป็นจริงที่ “รัฐประหาร” เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ได้ครบ 3 ปีแล้วอย่างบริบูรณ์

และปัจจุบันกำลังเหยียบบาทก้าวเข้าไปสู่ปีที่ 4

น่าสนใจก็ตรงที่ปฏิบัติการของ “ทหาร” ที่มหาสารคามมิได้เป็นเรื่องอันเกี่ยวเนื่องจาก 4 คำถามจากรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” หากเป็นหนังสือ “ทำลายจำนำข้าว แต่ฆ่าชาวนา”

น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็ตรงที่ต่อกรณีมีคำสั่งส่งจากนายทหารระดับ พ.อ.เรียกตัว นายพิชัย นริพทะพันธุ์ เข้ากองทัพภาคที่ 1 ผบ.ทบ.ออกมาติงว่า

ไม่อยากให้ใช้คำว่า “ปรับทัศนคติ” หรือ “คำที่รุนแรง”

หากมองจากตัว พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท นี่ย่อมเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้เพราะท่านเป็นสุภาพบุรุษนักรบจากหน่วยรบพิเศษอยู่แล้ว

แต่นี่ย่อมเป็นท่าที “ใหม่” เมื่อมองจาก “คสช.”

เหตุปัจจัยอะไรทำให้คำว่า “ปรับทัศนคติ” กลายเป็นคำไม่เหมาะสม และไม่อยากให้นำมาใช้ในสถานการณ์ปัจจุบัน

หรือเพราะอยู่ในสถานการณ์ “ปรองดอง”

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้รับผิดชอบข้อสรุปในด้าน “สัญญาประชาคม”

คำว่า “ปรับทัศนคติ” จึงกลายเป็นคำ “แปลกแยก”

เหมือนกับเมื่อได้ข่าวว่า บรรดา ส.ส.ในกลุ่ม “สโมสร ส.ส.” นัดสังสรรค์กันที่เซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัล พลาซา แทนที่จะใช้บริการของทหารในพื้นที่

กลับมอบหมายให้เป็นภาระของ สน.พหลโยธิน

สถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ คนหยาบหนา กระด้าง จะไม่เข้าใจ แต่กล่าวสำหรับคนที่ละเอียด รอบคอบ อย่าง พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท อ่านเกมออก จึงปรามมิให้ใช้คำว่า “ปรับทัศนคติ”

ที่เคยใช้คำว่า “เรียกตัว” จึงปรับเปลี่ยนกลายเป็นการเชื้อเชิญ เพื่อหารือและเสาะทางออกที่เหมาะสมในทางเศรษฐกิจ

นี่คือลีลาของ “ทหาร” และเป็นทหาร “ประชาธิปไตย”

ท่วงทำนองที่สัมผัสได้จาก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท จึงเป็นท่วงทำนองอย่างใหม่ มีความแตกต่างจากเมื่อ 3 ปีก่อนอย่างแจ้งชัด

ทุกอย่างเป็นไปตามความเหมาะสม

ความเหมาะสมที่รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 กำลังย่างเข้าสู่ปีที่ 4 ความเหมาะสมที่สังคมไทยมีการประกาศและบังคับใช้ “รัฐธรรมนูญ” แล้วอย่างสมบูรณ์

เข้าทาง “ตรอก” ออกทาง “ประตู”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image