นายอนิศ โอสถานุเคราะห์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีมีเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยแบ่งโครงสร้างธุรกิจออกเป็น 2 ส่วนคือ 1.ธุรกิจด้านพลังงาน เช่น พลังงานทดแทน ธุรกิจติดตั้งระบบประหยัดพลังงานในอาคาร 2.ธุรกิจด้านดิจิทัล ล่าสุดบริษัทได้ใช้เงินทุน 74 ล้านบาท เพื่อลงทุนในธุรกิจดิจิทัลอินโนเวชั่นโดยในเดือนกรกฎาคมนี้จะเปิดตัวแอพพลิเคชั่นไลฟ์สด ซึ่งจะรวมศิลปินดารา ดีเจ เน็ตไอดอล หรือผู้ที่ต้องการแสดงออกในด้านต่างๆ ไว้ด้วยกัน บริษัทจะมีรายได้จากจำนวนลูกค้าที่โหลดแอพพลิเคชั่น และส่วนแบ่งรายได้จากการซื้อสติ๊กเกอร์ของผู้โหลดแอพพลิเคชั่นเพื่อมอบให้ศิลปินที่ไลฟ์สด
ทั้งนี้ สำหรับธุรกิจแอพลลิเคชั่นไลฟ์สดนั้นในปี 2560 ตั้งเป้ามีลูกค้าโหลดแอพพลิเคชั่น 3 แสนรายใช้งบการตลาดเพื่อโปรโมทมูลค่า 20 ล้านบาท คาดว่าธุรกิจนี้จะมาเป็น 35% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัทตั้งเป้าภายใน 1 ปี จะชิงส่วนแบ่งการตลาดให้ได้ 50% ของมูลค่าตลาดรวมแอพพลิเคชั่นไลฟ์สดที่มีมูลค่า 3,400 ล้านบาท หรือทำได้ 1,700 ล้านบาท ที่เหลือมาจากธุรกิจพลังงาน และจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รายได้ใน 5 ปีข้างหน้าแตะ 1,000 ล้านบาท จากปี 2559 ทำได้ 239.70 ล้านบาท
นายอนิศกล่าวว่า สำหรับธุรกิจแอพพลิเคชั่นไลฟ์สดนั้นถือเป็นธุรกิจที่สร้างอัตรากำไรสูงในอัตราตัวเลข 2 หลัก และลงทุนจำนวนไม่มากนักเมื่อเทียบกับการลงทุนโครงการไฟฟ้า และยังเป็นธุรกิจใหม่ที่จะสร้างกระแสเงินหมุนเวียนให้กับบริษัทได้ดี ขณะที่ธุรกิจพลังงานนั้นในปี 2560 บริษัทได้เข้าไปดิลงานกับผู้ประกอบการที่มีอาคารสำนักงานเพื่อเสนอระบบประหยัดพลังงานในอาคาร ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเจรจา 3-4 ราย แต่ละรายมีมูลค่าโครงการ 40-70 ล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศฟิลิปปินส์นั้นเนื่องจากทางรัฐบาลได้เปลี่ยนกฎเกณฑ์ทำให้บริษัทยังติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด ขณะที่ธุรกิจร่วมลงทุนผลิตแผลโซลาร์เซลล์นั้นบริษัทมีแนวโน้มที่จะยกเลิกความร่วมมือกับผู้ร่วมทุนเดิม เพราะผู้ร่วมทุนมีปัญหาทางการเงิน ด้านโครงการโรงไฟฟ้าชีวภาพขนาดกำลังการผลิต 4.9 เมกะวัตต์คาดว่าจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้กลางปี 2561
