บทความ หลักแก้กม.บัตรทองคือปกป้อง ‘สมบัติชิ้นเดียวของประชาชน’ โดย : นพ.วินัย สวัสดิวร

การประชาพิจารณ์ร่าง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ…. ซึ่งอยู่ระหว่างเดินหน้า เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายฉบับเดิมที่บังคับใช้ยาวนาน 15 ปี ได้มีการหยิบยกแก้ไข 14 ประเด็นสำคัญ ที่หลายฝ่ายได้แสดงความห่วงใย เพราะจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเจตนารมณ์สำคัญของกฎหมายฉบับนี้ ที่มีจุดเริ่มต้นเพื่อทำให้ประชาชนที่ไม่มีหลักประกันสุขภาพเข้าถึงบริการที่ได้มาตรฐาน กำหนดให้การรับบริการรักษาพยาบาลและบริการสาธารณสุขเป็นสิทธิของประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพในสังคม

ตลอด 15 ปีของการดำเนิน “ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” ที่เป็นการปฏิรูประบบสุขภาพประเทศภายใต้กฎหมายฉบับนี้ พิสูจน์แล้วว่าสามารถทำให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาอย่างครอบคลุมและทั่วถึง แม้จะมีงบประมาณที่จำกัด โดยมีประชาชนได้รับประโยชน์จากระบบอย่างแท้จริง

ในฐานะผู้ร่วมผลักดันระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ติดตามสถานการณ์การแก้ไขกฎหมายนี้อย่างต่อเนื่อง รู้สึกกังวลต่อข้อเสนอการแก้ไขครั้งนี้ เนื่องจากมีประเด็นปรับแก้ที่เป็นการทำลายเจตนารมณ์ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทั้งสวนทางหลักการแก้ไขกฎหมายทุกฉบับที่ต้องคำนึงและยึดเจตนารมณ์กฎหมายเป็นสำคัญ รวมทั้งประโยชน์ประชาชน โดยมีการเสนอเพิ่มสัดส่วนผู้ให้บริการในบอร์ด สปสช.

ในการดำเนินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติฯ ได้จัดตั้ง “สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” (สปสช.) ทำหน้าที่ตัวแทนประชาชนในการจัดสิทธิประโยชน์ที่จำเป็นด้านสุขภาพ รวมไปถึงคุ้มครองประชาชนเข้าถึงสิทธิรักษาพยาบาลอย่างทั่วถึงและครอบคลุม โดยการดำเนินงานทั้งหมดของ สปสช.ต้องอยู่ภายใต้การบริหารโดยบอร์ด สปสช. ที่ประกอบด้วยตัวแทนผู้ให้บริการ ผู้ซื้อบริการ และภาคประชาชน รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเมื่อพิจารณาสัดส่วนกรรมการตัวแทนผู้ให้บริการจะเห็นได้ว่า ปัจจุบันมีจำนวน 9 คนที่มากเพียงพออยู่แล้ว โดยเป็นตัวแทนผู้ให้บริการหน่วยบริการแต่ละสังกัด อาทิ ปลัด สธ. ผู้แทน รพ.สังกัดกระทรวงสาธารณสุข, ปลัด ศธ. ผู้แทน รพ.สังกัดทบวงมหาวิทยาลัย, ปลัด กห. ผู้แทน รพ.สังกัดกระทรวงกลาโหม, ปลัด มท. ผู้แทน รพ.ท้องถิ่น และยังมีผู้แทนสมาคม รพ.เอกชน นอกจากนี้ยังมีผู้แทนวิชาชีพทั้งจากแพทยสภา ทันตแพทย์ และพยาบาล เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมาต่างได้ทำบทบาทหน้าที่ปกป้องผู้ให้บริการอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ขณะที่กรรมการตัวแทนภาคประชาชนมีเพียง 5 คนเท่านั้นที่ยังเป็นเสียงส่วนน้อย

Advertisement

ทั้งนี้ หากแก้ไขประเด็นนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นนอกจากจะเป็นการทำลายหลักการแยกผู้ซื้อและผู้ขายในระบบสุขภาพที่เป็นการคุ้มครองสิทธิประชาชนแล้ว ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงเจตนารมณ์ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และทำให้ สปสช.กลายเป็นกลไกพิทักษ์สิทธิผู้ให้บริการ

นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาประเด็นแก้กฎหมาย ยังไม่มีการเสนอเรื่องที่ควรปรับแก้ไข โดยเฉพาะการเพิ่มอำนาจ สปสช.ในการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ฯ รวมระดับประเทศ ทั้งที่เกือบ 10 ปีที่ผ่านมาไม่มีใครบอกว่า สปสช.ทำเรื่องนี้ไม่ดี ทำให้ประชาชนและระบบเสียประโยชน์ มีแต่บอกว่า สปสช.ไม่มีอำนาจทางกฎหมายเท่านั้น ขณะที่การตรวจสอบจัดซื้อยังไม่เคยพบการทุจริตใดๆ ทั้งยังเป็นกลไกสำคัญของการบริหารกองทุน เพราะไม่เพียงทำให้ สปสช.สามารถบริหารงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่จำกัดได้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพแล้ว โดยจากข้อมูลปี 2553-2559 สามารถประหยัดงบประมาณชาติได้กว่า 44,680 ล้านบาท โดยการต่อรองราคา แต่ยังทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาและการรักษาที่จำเป็นได้อย่างมีคุณภาพและมาตรฐาน

ดังนั้น แทนที่จะยกเรื่องนี้ออกจาก สปสช. ควรดำเนินการตามคำแนะนำของ คตร. ให้แก้ไขเพิ่มเติม โดยใช้มาตรา 18 (14) พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติฯ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงยาของผู้ป่วย

Advertisement

นอกจากนี้มองว่าในการแก้ไขกฎหมาย คณะกรรมการยกร่างแก้ไข พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติฯ ควรที่จะจำกัดกรอบการแก้ไขที่ยึดหลักตามคำสั่ง คสช.ที่ 37/2559 เรื่อง “ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องและจำเป็นต่อการสนับสนุนและส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุขและค่าใช้จ่ายอื่นตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” ที่อาศัยอำนาจตาม ม.44 รัฐธรรมนูญ โดยไม่ควรเป็นการลักไก่แก้ไขเนื้อหาสาระอื่นในกฎหมายที่ทำให้ผิดหลักการนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า จนทำให้เกิดข้อกังขาต่อการทำหน้าที่ของคณะกรรมการยกร่างแก้ไข พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติฯนี้

อย่างไรก็ตาม ความพยายามเปลี่ยนแปลงเจตนารมณ์ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติฯ ซึ่งนำมาสู่การแก้ไขกฎหมายที่ลดทอนการมีส่วนร่วมประชาชน และศักยภาพการบริหารของ สปสช.เพื่อนำไปสู่การจำกัดการเข้าถึงการรักษาของประชาชน

ต้นเหตุเกิดจากทัศนคติผู้บริหารประเทศต่อนโยบายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่ไม่ได้มองเป็นการลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตประชาชนและประเทศ แต่กลับมองเป็นภาระงบประมาณ แม้ว่าจะเป็นนโยบายสวัสดิการที่ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึงมากที่สุด ตามที่มีการเปรียบเทียบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติว่าเป็นเพียง “สมบัติชิ้นเดียวของประชาชน” ก็ตาม…

นพ.วินัย สวัสดิวร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image