มหัศจรรย์การ์ตูน : ฉันแปลก หรือ คนอื่นแปลก

เมื่อวานนี้ไปเป็นวิทยากรเรื่องการพัฒนาตนเองตามแนวคิดบุคลิกภาพให้คุณหมอรุ่นใหม่ฟังค่ะ มีลักษณะทางบุคลิกภาพแบบหนึ่งซึ่งพบถึง 80% ของคนในห้องคือลักษณะที่ชอบใช้ชีวิตแบบวางแผนล่วงหน้าในระหว่างที่ส่วนน้อยชอบวางแผนเฉพาะหน้า กลุ่มที่ชอบวางแผนล่วงหน้ามักจะคาดการณ์ล่วงหน้าไปก่อนทั้งวิธีการและผลลัพธ์ อาจคาดการณ์ล่วงหน้าถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นและเตรียมพร้อมจัดการปัญหาเหล่านี้ไว้ก่อน ในคนที่มีลักษณะแบบนี้โดดเด่นอาจเป็นคนยืดหยุ่นได้น้อย ไม่ชอบอะไรที่อยู่เหนือการคาดการณ์ ไม่ชอบงานที่ได้รับมอบหมายแบบปัจจุบันทันด่วนเพราะไม่มีเวลาเพียงพอสำหรับวางแผนจัดการปัญหาล่วงหน้า และหลายคนเมื่อคาดการณ์ปัญหาล่วงหน้าที่ไม่สามารถแก้ไขหรือหลีกเลี่ยงได้ก็อาจจะรู้สึกกังวลมากกว่าที่จะรู้สึกพร้อมเผชิญหน้ากับปัญหานั้น

หลังทำกิจกรรม มีคุณหมอท่านหนึ่งเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเครียดค่ะ คุณหมอถามว่า

“อาจารย์คะ หนูมีบุคลิกภาพแบบนี้ หนูจะเป็นหมอเฉพาะทางสาขานี้ได้จริงๆ เหรอคะ”

สาเหตุเพราะว่าบุคลิกภาพแบบคุณหมอเหมาะกับงานสร้างสรรค์ การมองในภาพรวมกว้างๆ ไม่ลงรายละเอียดนักแต่สาขาที่เลือกเรียนเป็นสาขาที่ต้องการความละเอียดอย่างมากซึ่งอาจจะไม่ไปทางเดียวกับบุคลิกภาพของคุณหมอ

Advertisement

“คุณหมอเรียนได้ค่ะ ที่จริงเราทุกคนเรียนอะไรก็ได้ ทำงานอะไรก็ได้ เพียงแต่คุณหมออาจจะรู้สึกแปลกแยกเล็กน้อยถ้าอยู่ในสังคมที่คนส่วนใหญ่มีบุคลิกภาพแตกต่างจากคุณหมอ”

คุณหมอก็ยังดูกังวลอยู่ดีค่ะแต่เชื่อว่าพอเรียนไปสักระยะหนึ่งก็คงปรับตัวได้ แท้จริงแล้วบุคลิกภาพแบบคุณหมอมีเยอะมากในกลุ่มจิตแพทย์ ดังนั้น ถ้าคุณหมอเรียนเป็นจิตแพทย์ก็จะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้แปลกอะไร แต่พอดีคุณหมอไม่ได้เลือกเรียนเป็นจิตแพทย์และสาขานั้นมีคนแบบคุณหมอไม่มาก คุณหมอจึงเป็นคนที่มีคุณค่ามากในวงการนั้นค่ะ (ไม่เรียก แปลกž เพราะเป็นคำที่ให้ความรู้สึกด้านลบ) เพราะทุกวงการต้องการคนหลากหลายแบบ ถ้ามีแค่แบบเดียวเราก็จะถนัดแบบเดียวกัน (และไม่ถนัดแบบเดียวกัน) มองโลกแบบเดียวกัน เจอปัญหาแบบเดียวกัน และแก้ปัญหาแบบเดียวกันซึ่งในทางกลับกันคือเราอาจจะแก้ปัญหาไม่ได้เหมือนกันทุกคน ความหลากหลายทางบุคลิกภาพและความคิดจึงเป็นเรื่องที่เราพูดถึงมานานว่าอาจจะเป็นหนทางอยู่รอดของสังคมปัจจุบันที่เราไม่ได้เป็นแค่ประชากรของประเทศใดประเทศหนึ่งแต่เป็นประชากรของโลกนี้ที่มีความหลากหลายและเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ง่ายผ่านทางอินเตอร์เน็ต

ถ้าพูดถึงค่านิยมทางสังคมที่เรามักมองข้ามและคิดว่าคนที่แตกต่างจากคนส่วนใหญ่ถือเป็นคนแปลกก็ต้องยกให้ “Kino no Tabi” หรือ “การเดินทางของคิโนะ” ไลท์โนเวลที่ถูกจับมาสร้างเป็นแอนิเมชั่น กล่าวถึงเมืองในจินตนาการหลายแห่งที่เด็กสาว “คิโนะ” กับมอเตอร์ไซค์พูดได้ของเธอ “แอร์เมส” เดินทางไปเยี่ยม เรื่องนี้ประกอบด้วยตอนสั้นๆ หลายตอนซึ่งแต่ละตอนจะกล่าวถึงเมืองที่มีประเพณีและค่านิยมของตัวเองและสะท้อนให้คนดูฉุกคิดว่ามัน “แปลก” แต่คนในเมืองนั้นกลับเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ ตอนพิเศษตอนหนึ่งที่สนุกมากคือ “เมืองหอคอย” ค่ะ

Advertisement

คิโนะกับแอร์เมสเดินทางมายังเมืองที่มีหอคอยยักษ์สูงเสียดฟ้าอยู่กลางเมือง แอร์เมสเปรยกับคิโนะว่าเคยมีคนพูดว่ามนุษย์สร้างหอคอยเพื่อค้ำยันท้องฟ้าเพราะกลัวท้องฟ้าถล่มลงมา คิโนะตอบกลับได้น่าสนใจมากค่ะว่า “จากที่ฉันเดินทางผ่านเมืองมาหลายแห่ง สิ่งหนึ่งที่ฉันรู้คือเราจะด่วนสรุปไม่ได้” เธอเข้าไปในเมืองและถามทุกคนว่าหอคอยนี้สร้างขึ้นมาเพื่ออะไร ทุกคนตอบไปในทางเดียวกันว่า “ฉันไม่รู้หรอก ฉันมีหน้าที่…เท่านั้น” แต่ละคนมีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างหอคอยไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง เช่น ทำอิฐ ขนอิฐ ก่ออิฐ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าหอคอยที่สร้างมา 230 ปีสร้างขึ้นเพื่ออะไร ทุกคนเชื่อว่า “สร้างเพราะเป็นงานของเรา” คิโนะจึงพูดติดตลกว่าถ้าคนถามฉันว่าทำไมจึงออกเดินทาง ก็เหมือนฉันตอบว่าเพราะฉันเป็นนักเดินทางน่ะสิ เป็นคำตอบแบบเดียวกับชาวเมืองหอคอยที่สะท้อนว่าทุกคนทำในสิ่งที่บรรพบุรุษทำมาตลอดโดยไม่รู้ความหมายที่แท้จริงว่าทำไปเพื่ออะไร

คืนนั้นเอง ชายคนหนึ่งมาขอให้คิโนะช่วยพาออกจากเมืองแปลกแห่งนี้ เขาคิดว่าการสร้างหอคอยโดยไม่รู้ว่าสร้างทำไมมันแปลกมากแต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะออกจากเมืองเพราะอยากทำอะไร รู้แค่ว่าไม่อยากทำหอคอยไปชั่วชีวิต เขาเชื่อว่าทุกคนเป็นบ้าไปหมด และคิโนะตอบได้น่าสนใจค่ะ

“ฉันไม่รู้ว่าทุกคนในเมืองหอคอยบ้าหรือเธอบ้าคนเดียว ถ้าทุกคนมุ่งแต่จะสร้างหอคอยและเธอไม่อยากทำเหมือนคนอื่น จะลองทำอิฐสีหรือสลักลายลงอิฐดูไหม มีทางเลือกอื่นอีกตั้งเยอะที่สามารถอยู่เมืองนี้ต่อไปได้โดยไม่ต้องทำเหมือนคนอื่น” วิธีคิดของคิโนะช่วยลดลักษณะชอบความสมบูรณ์แบบหรือ “เลือกทำงานที่ชอบแล้วจะมีความสุข” ของเด็กรุ่นใหม่ได้ดีเลยค่ะ

ถ้าเราต้องอยู่ในสังคมที่คนส่วนใหญ่แตกต่างจากเราแล้วคิดว่าอยู่ไม่ได้ อยู่แล้วไม่มีความสุข แทนที่จะเดินหนีออกจากสังคมนั้นก็อาจจะลองหาทางเลือกอื่นให้ชีวิตดูนะคะ ให้พออยู่ได้ มีความสุขพอสมควร เว้นแต่มีความสุขจากการแสวงหาอะไรใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ ก็ลาออกบ่อยๆ ได้ค่ะ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image