บล.กสิกรคาด ส.ค. นี้หุ้นร่วงแตะ 1,530 จุด เปิดรายชื่อหุ้นเด่นครึ่งปีหลัง

นายกำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คาดว่าเศษฐกิจไทยในปี 2560 จะเติบโต 3.3-3.5% โดยในช่วงครึ่งปีหลังมีสิ่งที่น่ากังวล คือ อุปสงค์ในประเทศยังไม่เติบโตแม้การส่งออกฟื้นตัว สาเหตุเพราะค่าจ้างนอกภาคเกษตรยังติดลบต่อเนื่อง ค่าแรงในภาคอุตสาหกรรมไม่ปรับขึ้น แรงงานไม่ตึงตัว ส่งผลต่อกำลังซื้อของคนในประเทศทำให้การบริโภคจึงไม่ฟื้นตามไปด้วย

ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนยังเกิดข้อจำกัดเรื่องความมั่นใจ แม้ภาครัฐจะส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) ผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และเดินหน้าโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) แต่นักลงทุนต่างชาติจะยังไม่เข้ามาลงทุนจนกว่าอีอีซีจะกำหนดออกมาเป็นพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) เนื่องจากการลงทุนตรงใช้เงินลงทุนจำนวนมาก เอกชนจึงต้องการความมั่นใจและความชัดเจนของนโยบาย ทั้งนี้ หากอีอีซีมีพ.ร.บ.รองรับแล้วคาดว่าเม็ดเงินลงทุนต่างชาติจะเริ่มเข้ามาลงทุนจริงในปี 2561

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยมีปัจจัยบวกจากการลงทุนของรัฐโดยคาดว่าปี 2560 จะเติบโต 9-10% ที่ผ่านมาเห็นความพยายามของรัฐในการใช้ม.44 เดินหน้าโครงการโครงสร้างพื้นฐานปลดล็อกเงื่อนไขบางประการ นอกจากนี้ยังตั้งงบประมาณปี 2561 ขาดดุล 4.5 แสนล้านซึ่งจะทำให้การลงทุนของรัฐโตต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีจากนี้ ขณะที่การท่องเที่ยวจะเป็นตัวหนุนสำคัญของปีและจะโตมากในไตรมาสที่ 4/2560 จากฐานตัวเลขนักท่องเที่ยวต่ำในไตรมาส 4/2559 ขณะที่การส่งออกจะเติบโตได้ดีตามภาวะเศรษฐกิจโลก ทั้งปีมองค่าเงินบาทที่ 34.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐโดยโอกาสที่ค่าเงินบาทจะแข็งค่าเพิ่มเริ่มมีจำกัด ส่วนเศรษฐกิจโลกหลังจากนี้จะเห็นธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกทยอยประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและปรับลดงบดุลรับกับภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังฝ่ายวิเคราะห์มองกรอบหุ้นไทยสิ้นปี 2560 ที่ 1,570 จุด ระหว่างทางหากหุ้นไทยซื้อขายเกิน 1,587 จุด ถือว่าราคาหุ้นเริ่มอยู่ในระดับตึงตัวมากเกินไป เพราะปีนี้นักลงทุนต่างชาติยังคงไม่เข้ามาซื้อหุ้นไทยมากนักต่างจากตลาดอื่นในภูมิภาคประกอบกับกำไรบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 2/2560 จะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนรวมถึงไตรมาสก่อนหน้า ผลจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง กลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และปูนใหญ่ไม่มีกำไรพิเศษมากเหมือนไตรมาสที่ 1/2560 การใช้จ่ายในประเทศยังคงไม่ฟื้นตัว นอกจากนี้ ยังคาดว่าในเดือนสิงหาคมนี้หุ้นไทยมีโอกาสลงไปถึงจุดต่ำสุดที่ 1,530 จุด เนื่องจากเป็นช่วงที่บริษัทประกาศผลประกอบการมากที่สุด ทั้งนี้ ในช่วงนี้จึงแนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นที่มีปันผลจูงใจ และหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐาน เช่น SCB,BBL,KKP,LH,PSH, STEC, TPCH

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image