‘บิ๊กฉัตร’มอบนโยบายข้าราชการกระทรวงเกษตรฯต้องประสานขับเคลื่อนผลงานสู้ภาคปฏิบัติ

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายในการประชุมซักซ้อม ทบทวนแนวทางการปฏิบัติตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าได้ชี้แจงแนวทางแก่ผู้บริหารระดับสูงและข้าราชการในระดับผู้อำนวยการกอง หัวหน้าส่วนราชการระดับกองทั่วประเทศประมาณ 1,400 คนนั้นจะต้องร่วมมือกันอย่างเป็นระบบเหมือนสายโซ่ ตั้งแต่ระดับยุทธศาสตร์และนโยบายกระทรวง แผนงานโครงการระดับกรมสู่การปฏิบัติ ซึ่งจะประกอบด้วย โซ่ข้อต้นคือผู้บริหารระดับสูง โซ่ข้อกลางคือผู้อำนวยการกองหรือเทียบเท่าของหน่วยงานระดับกรม และทีมซิงเกิลคอมมานด์ ซึ่งถือว่ามีบทบาทสำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อน เพื่อเชื่อมโยงการทำงานทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ให้มีความเข้าใจและสามารถสร้างการรับรู้นโยบาย แผนงานโครงการเพื่อนำไปปฏิบัติสู่เป้าหมายร่วมกัน และโซ่ข้อปลายคือ หัวหน้าหน่วยงานระดับอำเภอ ตำบล ตลอดจนเครือข่ายอาสาสมัครเกษตร

พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า ส่วนการปฏิรูปภาคการเกษตรของไทยในแนวคิดไทยแลนด์ 4.0 การเกษตรจะต้องใช้นวัตกรรมแบบอัจฉริยะ ตั้งแต่การผลิต การแปรรูปและการตลาด เพื่อยกระดับมูลค่าสินค้าและใช้พื้นที่การเกษตรให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสำหรับปี 2560-2561 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเน้นการยกระดับมาตรฐานการเกษตรสู่ความยั่งยืนด้วยนโยบายยกกระดาษ A4 แบ่งเป็น 4 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านคุณภาพสินค้า ส่งเสริมให้เกษตรกรทำเกษตรอินทรีย์ 2.ด้านประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ให้เกษตรกรรวมกลุ่มกันทำเกษตรแปลงใหญ่ เพื่อลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลผลิตต่อไร่ สามารถขยายผลและเพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยการแปรรูปด้วยนวัตกรรมข้อมูลชุดแผนที่ Agri-map หรือ Zoning by Agri-map 3.การลดรายจ่ายในครัวเรือนเพิ่มรายได้ ส่งเสริมให้เกษตรกรทำเกษตรผสมผสานและเกษตรทฤษฎีใหม่ และ 4.สร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร โดยให้องค์ความรู้ผ่านศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) 882 ศูนย์ และขยายเครือข่าย 8,820 ศูนย์ พร้อมทั้งขับเคลื่อนโครงการ 9101 ให้ชุมชนเข้มแข็ง ตลอดจนกลไกการยกระดับสหกรณ์ให้เข้มแข็ง

นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า โครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อเป็นโครงการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน ที่เป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายของเกษตรกรในระดับฐานราก และช่วยส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้วยการสนับสนุนวงเงิน 22,800 ล้านบาท ซึ่งในขณะนี้มีกิจกรรมเสนอมาจากชุมชนและผ่านการอนุมัติแล้วประมาณ 22,391 โครงการ และได้รับอนุมัติวงเงินประมาณ 18,000 ล้านบาท โดยในวันที่ 14 กรกฎาคมนี้จะสามารถโอนเงินผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ ซึ่งคาดว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องการกระจุกตัวของโครงการหรือกิจกรรมในท้องถิ่น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image