“สมคิด”ตามงานดีอีย้ำเร่งปั้นบิ๊กดาต้าอินเตอร์เน็ตออกฟติงด่วน-พิเชฐเผยจ่อชงตั้งสถาบัน IoTก.ย.นี้

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังจากตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ว่า กระทรวงดีอีรายงานความคืบหน้าการทำงาน ทั้งเรื่องการวางโครงข่ายอินเตอร์เน็ตหมู่บ้าน ซึ่งไปได้ดีมาก เมื่อสิ้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาทำได้ 14,000 หมู่บ้านแล้ว ถือว่ามีความคืบหน้าที่น่าพอใจ และคาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งได้ย้ำไปว่าเป้าหมายของอินเตอร์เน็ตหมู่บ้านไม่ใช่การไปลงทุนด้านอินเตอร์เน็ตอย่างเดียว แต่คือการสร้างประโยชน์จากอินเตอร์เน็ต ที่เป็นทั้งมติสังคม เศรษฐกิจ การศึกษา สาธารณสุข รวมถึงการทำอี-คอมเมิร์ซ

“สิ่งสำคัญคือการพัฒนาอี-คอมเมิร์ซ หลายๆ ค่ายเริ่มให้ความสำคัญกับการค้าออนไลน์ ภาครัฐเองจะร่วมมือกับเขาได้อย่างไร กระทรวงดีอีก็จะต้องทำงานเรื่องนี้เชื่อมกับกระทรวงพาณิชย์ ขณะเดียวกันเรื่องอินเตอร์เน็ตออฟติง (IoT) และบิ๊กดาต้า สองสิ่งนี้เป็นหัวใจของอนาคตทั้งด้านการผลิตและการดีไซน์ทุกอย่าง แต่ก็ยังเป็เรื่องใหม่สำหรับไทย จึงขอให้ดีอีดูแลเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพื่อให้ต่อให้ได้กับโลกในอนาคตข้างหน้าได้”นายสมคิดกล่าว

นายสมคิด กล่าวว่า ขณะที่ดิจิทัล ปาร์ค ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ในแง่ประสิทธิภาพไทยมีความพร้อม ซึ่งในครึ่งปีหลังนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องปักหมุดได้แล้ว หมายความว่าต้องทำแผนงานให้ชัดเจน รวบรวมออกมาให้เห็นความชัดเจน เดินทีละขั้นตอน เพื่อให้เอกชนและนักลงทุน ซึ่งจับจ้องอยู่เกิดความมั่นใจ รวมถึงการตั้งสถาบัน IoT แผนแม่แบบทุกอย่างต้องชัดเจน

นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าวว่า สิ่งที่จะต้องขับเคลื่อนต่อทำให้เป็นรูปธรรมในแต่ละเรื่องคือ 1.สถาบัน IoT ก็จะไปสร้างอุปกรณ์และอาคารที่จะใช้ประโยชน์ในเรื่อง IoT ภายในพื้นที่จิดิทัลปาร์ค ก็จะนำเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในปลายเดือนกันยายนนี้ สถาบันนี้จะทำแบบกิจการค้าร่วม (Consortium) เป็นองค์กรความร่วมมือ ไม่ใช่ของคนใครคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของ โดยมีดีอีเป็นหน่วยงานประสานงานหลักหนัก ทำงานร่วมกับมหาลัยของไทยและต่างประเทศเทศ โดยแบ่งงานกันทำ เอกชนและรัฐลงทุนร่วมลงทุน เพื่อให้เห็นการขับเคลื่อน IoT อย่างเป็นระบบครั้งแรก รองรับสมาร์ทซิตี้ อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า และเป็นส่วนหนึ่งผลักดันให้ดิจิทัลปาร์คเกิดเป็นรูปธรรม เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา กระทรวงดีอีได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) แล้วกับเมืองเซินเจิ้น ของประเทศจีน เพื่อร่วมกันทำ IoT และสมาร์ทซิตี้ ในเดือนพฤศจิยายนนี้ไทยก็ไปเยือนเมืองเซินเจิ้นด้วย

Advertisement

2.ดิจิทัล ปาร์ค ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญมาก สิ่งที่จะทำต่อไปคือเขียนและชี้ให้ชัดเจนว่าแต่ละพื้นที่ แต่ละตารางเมตร ในพื้นที่ทั้ง709 ไร่ จะทำอะไรบ้างออกมาเป็นแผนแม่แบบ (master plan) ที่ชัดเจนได้ใน 2-3 เดือนนี้ งานในส่วนของดิจิทัลปาร์คที่ทำเสร็จแล้ว ก็มีแพ็คเกจสิทธิประโยชน์ต่างๆ การชักชวนอำนวยความสะดวกทางด้านดิจิทัล การทำแผนแม่แบบขณะนี้ มี 2 หน่วยงานกำลังช่วยกันทำ คือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (CAT) ซึ่งได้ศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นแล้ว กำลังจ้างที่ปรึกษาจัดทำแผนแม่แบบที่ชัดเจนใช้งานได้เลย คาดจะเห็นได้ในภายเดือนกันยายนนี้

3.สำนักงานสถิติแห่งชาติ จะเข้ามาทำเรื่องข้อมูลและบิ๊กดาต้ามากขึ้น ให้สอดคล้องกับยุค 4.0 โดยนำเอาข้อมูลของภาครัฐหรือสังคมมาประมวลใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูล ขณะเดียวกันจะต้องสำรวจว่าภาครัฐทุกหน่วยงานมีข้อมูลสำคัญอะไรที่ภาครัฐต้องบันทึกบ้าง สำนักงานสถิติฯก็แจกแจงข้อมูลออกมาว่าหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ต้องจัดเก็บข้อมูลอะไรบ้าง เรื่องนี้จะนำเสนอที่ประชุม ครม.ต่อไป เพื่อให้เห็นชอบและสั่งการทุกหน่วยงานภาครัฐที่อยู่ในข่ายที่ทางสำนักงานสถิติฯแจกแจงไว้ ซึ่งมีหลายหน่วยงานมากทำการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ เพื่อเอาไปวิเคราะห์ทำงานให้กับรัฐบาล

4.อี-คอมเมิร์ซหมู่บ้าน ซึ่งอีดี ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และไปรษณีย์ไทย ให้ร้านค้าในชุมชน โชห่วยกลายเป็นร้านสะดวกซื้อครบวงจรหรือไฮบริด โชห่วย เจ้าภาพหลักคือไปรษณีย์ไทย จะทำเข้าไปทำ 3 แพคเกจพร้อมกัน คือ อี-มาร์เก็ตเพลซ เพื่อให้ชาวบ้านและร้านโชห่วยในหมู่บ้าน สามารถขายของบริหารจัดการระบบสินค้าได้ อี-เพย์เม็นต์ จะเชื่อมโยงกับทุกธนาคารทั้งรัฐและเอกชน พร้อมเพย์ของกระทรวงการคลัง และอี-โลจิสติกส์ ในอนาคตหากมีเอกชนอื่นเข้ามาร่วมก็ยินดี ในช่วงนี้จะวางจะระบบจุดขายให้ชุมชนสามารถใช้โชห่วยเป็นศูนย์กลางซื้อขายสินค้า ในการสต็อกของ สามารถแข่งขันได้ในยุค 4.0

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image