คืบหน้า ผอ.กองการศึกษาหาย ทหารยศร้อยเอกมอบตัวปฏิเสธ 4 ข้อกล่าวหา หลังจากที่สอบเครียดกว่า 5 ชม.

วันที่ 11 สิงหาคม 2560 ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ พล.ต.ต.สุรเดช เด่นธรรม ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวนตามคำสั่ง ภ.จว.ศรีสะเกษ ที่ 592/2560 นำโดย พ.ต.อ.ชัย ไชยพันธ์นา ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.ศรีสะเกษ พ.ต.อ.ประเสริฐศักดิ์ ศรีไชย ผกก.(สอบสวน) พ.ต.ท.ปิยวัฒน์ ตอโนนสูง รอง ผกก.(สอบสวน) พ.ต.ท.สังวร วันทะวี สว.(สอบสวน) สภ.กันทรลักษ์ และ ร.ต.อ.นิธีวัฒน์ คำนนท์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.บึงมะลู ได้รับมอบตัว ร.อ.ศุภชัย หรือ เหน่ง ภาโส อายุ 30 ปี ผบ.ร้อยอาวุธเบาที่ 2 กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 6 ค่ายสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อยู่บ้านเลขที่ 378/214 หมู่ 2 ต.แสนสุข อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ผู้ต้องหาในคดีอาญาที่ 576/2560 ของ สภ.กันทรลักษ์ และแจ้งข้อกล่าวหา 4 ข้อหาด้วยกันคือ ฐาน (1) หน่วงเหนี่ยว หรือกักขังผู้อื่น (2) ลักทรัพย์ของผู้อื่น (รถยนต์ราคา 200,000 บาท) หรือรับของโจร (3) ปลอมหรือใช้อ้างเอกสารปลอม (4) ให้เสียหาย ทําลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทําให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพินัยกรรมหรือเอกสารใดของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน โดยมี พ.ท.สุวิทย์ ขำคม นายทหารพระธรรมนูญ และ พ.ต.สุริยงค์ กุดเป่ง พร้อมด้วยนายทหารจาก ร.6 พัน. 2 มาร่วมสังเกตการณ์ด้วย ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ใช้เวลารวมทั้งหมดกว่า 5 ชั่วโมงทำการสอบปากคำ ร.อ.ศุภชัย ภายในห้องสอบสวนที่ห้ามผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไป ซึ่ง ร.อ.ศุภชัยได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

พล.ต.ต.สุรเดชกล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา เวลาประมาณ 07.40 น. น.ส.จุฑาภรณ์ หรือครูอ้อย อุ่นอ่อน อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 หมู่ 3 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ อาชีพรับราชการ ตำแหน่ง อำนวยการกองการศึกษา อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้ขับรถยนต์เก๋ง หมายเลขทะเบียน กษ8201 เชียงใหม่ ไปส่งลูกที่โรงเรียนอนุบาลดำรงราชานุสรณ์ ต.น้ำอ้อม อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และไม่ได้กลับเข้าไปทำงานที่ อบต.ชำตามปกติ เมื่อถึงเวลาโรงเรียนเลิกก็ไม่ได้เดินทางไปรับลูกเหมือนเช่นทุกครั้ง จากการสืบสวนสอบสวน พบว่า ร.อ.ศุภชัย และ น.ส.จุฑาภรณ์อยู่ด้วยกัน และเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม เวลาประมาณ 15.00 น. ร.อ.ศุภชัยได้โทรติดต่อกับนางสุชาวดี ปทุมอินทน์ เรื่องซื้อขายรถยนต์คันดังกล่าว เชื่อว่า ร.อ.ศุภชัยได้นำพา น.ส.จุฑาภรณ์ไปโดยปราศจากเสรีภาพ และกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดต่อ น.ส.จุฑาภรณ์ การกระทำของ ร.อ.ศุภชัย หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น พร้อมทั้งนำหลักฐานเล่มคู่มือรถคันดังกล่าวไปขายให้กับนายประกรรษวัติ หรือเสี่ยตั้ม คณะพันธ์ พร้อมหลักฐานเล่มคู่มือรถคันดังกล่าวและหลักฐานการซื้อขายที่มีผู้ทำปลอมขึ้นมาทั้งฉบับ

พล.ต.ต.สุรเดชกล่าวต่อไปว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เวลาประมาณ 10.00 น. ร.อ.ศุภชัยได้นำรถยนต์คันดังกล่าวไปฝากให้ น.ส.สุชาวดีขายให้ พร้อมกับได้นำบัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริงและคู่มือรถยนต์ฉบับจริงของ น.ส.จุฑาภรณ์ไปแสดงต่อ น.ส.สุชาวดี เพื่อให้หลงเชื่อว่า น.ส.จุฑาภรณ์เจ้าของรถคันดังกล่าวต้องการขายรถจริง โดยให้การว่า น.ส.จุฑาภรณ์ร้อนเงิน ต้องขายรถนำเอาเงินไปใช้ด่วน จากนั้นได้ขายรถคันดังกล่าวให้กับนายวิฑูรย์ ท้าวแก้ว ซึ่งเป็นนายหน้าค้ารถยนต์มือสอง จากนั้นนายวิฑูรย์ได้นำรถคันดังกล่าวไปขายให้กับนายประกรรษวัติ หรือเสี่ยตั้ม คณะพันธ์ พร้อมหลักฐานเล่มคู่มือรถคันดังกล่าวและหลักฐานการซื้อขายที่มีผู้ทำปลอมขึ้นมาทั้งฉบับ จากนั้นนายประกรรษวัติได้นำรถคันดังกล่าวไปว่าจ้างให้นายบุญชู ศิรินนท์ ทำสีใหม่ ต่อมาเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พนักงานสอบสวนได้ตรวจยึดรถคันดังกล่าวไว้เป็นของกลางในคดีนี้

Advertisement

พล.ต.ต.สุรเดชกล่าวด้วยว่า การที่ ร.อ.ศุภชัยมามอบตัวกับพนักงานสอบสวน ถือว่าเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจที่จะต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความเป็นจริงในเรื่องนี้ ส่วนเรื่องการเงินที่ น.ส.จุฑาภรณ์โอนเงินไปเข้าบัญชีของ ร.อ.ศุภชัยนั้น ร.อ.ศุภชัยกล่าวอ้างว่า น.ส.จุฑาภรณ์ยืมเงินของตนไปจึงได้โอนเงินมาใช้หนี้ ซึ่งเป็นสิทธิในการกล่าวอ้างได้ พนักงานสอบสวนจะได้ทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ต่อไป จากนั้นได้มอบตัว ร.อ.ศุภชัยให้กับนายทหารพระธรรมนูญและคณะไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image