จากผลสำรวจในกลุ่มคุณแม่รุ่นใหม่และพบว่า 94% ของคุณแม่คนไทยรู้สึกไม่มั่นใจในสัญชาตญาณการเลี้ยงลูกของตนเอง ส่วนอีก 83% มีความเครียดและวิตกกังวลเรื่องการเลี้ยงลูก จนต้องพึ่งตัวช่วยในการหาข้อมูลการเลี้ยงลูก เบบี้มายด์ อัลตร้ามายด์ จึงได้จัดงานเสวนา “ผิดหรือถูก เลี้ยงลูกแบบไหน เสริมพัฒนาการลูกดีที่สุด” โดยเชิญ 4 คุณหมอมาร่วมไขข้อสงสัยในการเลี้ยงลูกแต่ละสไตล์ โดยได้เหล่าคุณแม่เซเลบริตี้อย่าง เจนนิส (โสภณพนิช) ยังพิชิต, พิมภัทร์ ยมนาค วงประศาสตร์ และ พรพิมล ธรรมวัฒนะ มาร่วมงาน
คุณนอร์ท พรพิมล ธรรมวัฒนะ และน้องเชอลีนน์ เกตุฉัตรา ธรรมวัฒนะ
เชอรี่ ชาลียา พสวงศ์ และน้องธรรม ยศภัทร พสวงส์
เริ่มด้วย ศ.พญ.อุมาพร ตรังคสมบัติ จิตแพทย์ชื่อดัง เผยว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาได้มีองค์ความรู้ภายใต้แนวคิดการพัฒนาเชิงบวก ซึ่งเป็นผลงานวิจัยของสหรัฐถูกนำไปใช้จำนวนมาก โดยพบว่าการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีนั้น ต้องการมากกว่าร่างกายที่แข็งแรง การเรียนหนังสือเก่งหรือการมีนิสัยดี แต่ยังต้องมีการสร้างคุณลักษณะบางอย่างให้เกิดขึ้นในตัวของเด็ก
“ที่สำคัญคือการสร้างรากแก้วของชีวิตเรื่องวินัยและความสามารถ ทักษะชีวิต ความรักที่จะเรียนรู้ ซึ่งเครื่องมือที่สำคัญที่สุดคือพ่อแม่ต้องจัดการความเครียดในตนเองและดูแลชีวิตคู่ให้ดีก่อน จะทำให้ครอบครัวสงบสุข รวมทั้งต้องมีการสื่อสารที่ดี สร้างปฏิสัมพันธ์เชิงบวก สร้างวินัยในชีวิตประจำวันและเรื่องเหล่านี้พ่อแม่ต้องนำไปปรับใช้แต่ละบุคคลเอง” ศ.พญ.อุมาพรกล่าว
ขณะที่ พญ.เสาวภา พรจินดารักษ์ จากเพจหมอเสาวภา เลี้ยงลูกเชิงบวก เผยว่า การเลี้ยงลูกที่ดีนั้น ต้องระลึกไว้เสมอว่าสัมพันธภาพที่ดีกับลูกเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง เพราะเมื่อใดก็ตามที่ลูกรู้สึกเชื่อมโยงและมั่นใจในตัวพ่อแม่ ลูกก็จะรู้สึกมั่นใจในตัวเขาเองได้
“การเลี้ยงดูที่เน้นการสื่อสารเพื่อให้เกิดความเข้าใจ ไม่เน้นลงโทษ ไม่ใช้อารมณ์ เน้นการฝึกให้ลูกคิดวิเคราะห์ และร่วมตัดสินใจ แม้ผลสุดท้ายลูกตัดสินใจผิดพลาด ก็ต้องเรียนรู้ผลของการกระทำตนเอง โดยพ่อแม่ไม่ซ้ำเติม แต่พ่อแม่จะช่วยเสริมพลังใจให้ลูกคิดเปลี่ยนแปลงตนเองใหม่ ในครั้งหน้าเมื่อเราใช้วินัยเชิงบวก ลูกจะค่อยๆ คิดเป็น รับผิดชอบเป็น ไม่ต้องรอคำสั่งหรือคำบ่น เมื่อลูกผ่อนคลายก็จะเห็นศักยภาพในตัวเขาตามที่ถนัด รวมถึงรู้วิธีต่อยอดไม่ย่อท้อโดยง่าย” พญ.เสาวภากล่าว
ส่วน ทพญ.จีรภา ประพาศพงษ์ จากเพจหมอภา เผยว่า ในความเห็นของหมอวิธีการเลี้ยงลูกตามธรรมชาติของแต่ละคน เข้าใจธรรมชาติของเด็กแต่ละวัยเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เมื่อลูกได้รับการเติมเต็ม ก็จะพัฒนาความรู้สึกดีที่มีต่อตนเอง หน้าที่ของพ่อแม่คือเปิดโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้รอบด้าน ให้มีเวลาค้นหาว่าตัวเองชอบอะไรโดยไม่ตีกรอบ พัฒนาสุขภาพกายและใจไปคู่กัน นอกเหนือจากนั้นคือเสริมทักษะชีวิตอย่างการเอาตัวรอด การใช้เทคโนโลยี ระหว่างทางต้องเป็นรักปราศจากเงื่อนไขและมีความสัมพันธ์ที่ดีตลอดเส้นทาง
“ซึ่งพ่อแม่ต้องมีความสุขก่อน พ่อแม่ที่ประสบความสำเร็จก็จะเลี้ยงลูกให้มีความเคารพนับถือตนเอง ภูมิใจในตนเอง” ทพญ.จีรภากล่าว
ด้าน อุ๊-เจนนิส (โสภณพนิช) ยังพิชิต คุณแม่คนสวยที่เลี้ยงฝาแฝด “น้องจาณีน” และ “น้องเจส” กล่าวว่า ตอนท้องลูกแฝดกังวลมากบอกเพื่อนๆ ว่าต้องมาช่วยเลี้ยง แต่พอคลอดแล้วกลับกลายเป็นว่าเชื่อในเซนส์ของตัวเอง 80 เปอร์เซ็นต์ มีแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ ที่อาจจะอ่านตำราหรือมีคนแนะนำบ้าง
ครอบครัวยังพิชิต
“อย่างเรื่องการดูทีวีดูยูทูบ ที่พ่อแม่บางท่านอาจจะเชื่อว่าไม่ควรให้ลูกดู แต่จากประสบการณ์ เห็นว่าถ้าคุณพ่อคุณแม่สามารถจำกัดตามความเหมาะสมได้ทั้งเรื่องเนื้อหาและเวลาที่ดู กลับกลายเป็นเสริมพัฒนาการให้ลูกๆ ได้มาก แต่ถึงอย่างนั้นคุณแม่ก็ต้องไปปรับใช้ตามธรรมชาติของลูกตัวเอง เพราะจะเลี้ยงแบบไหนก็ไม่มีผิดไม่มีถูกขึ้นกับธรรมชาติของลูกเรา” เจนนิสกล่าว
แม่ยุคใหม่เลี้ยงลูกเชิงบวก
