นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงการแจ้งผลการตรวจสอบและการขออุทธรณ์คุณสมบัติทรัพย์สินทางการเงินของโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 ว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียน 14.1 ล้านราย โดยต้องรอผลการตรวจสอบจากสำนักงานสถิติแห่งชาติส่งข้อมูลเข้ามาก่อน โดยสำนักงานสถิติฯว่าจ้างนักศึกษาทั่วประเทศลงพื้นที่สำรวจผู้มีรายได้น้อย จึงยังไม่สามารถสรุปตัวเลขสุดท้ายของผู้ผ่านและไม่ผ่านคุณสมบัติได้ อย่างไรก็ตามเมื่อตรวจสอบเสร็จแล้ว จะให้ผู้ลงทะเบียนสามารถเข้ามาตรวจสอบสิทธิได้ที่เว็บไซต์ http://www.epayment.go.th ว่าผ่านคุณสมบัติหรือไม่ตั้งแต่เดือนกันยายนนี้
นายพรชัยกล่าวว่า การตรวจสอบข้อมูลนั้นผู้ลงทะเบียนแต่ละคนต้องใช้ข้อมูลส่วนตัว เช่น เลขประจำตัวประชาชน วันเดือนปีเกิด กรอกผ่านเว็บไซต์ หลังจากนั้นจะประกาศผลเป็นรายบุคคลว่าผ่านคุณสมบัติหรือไม่ผ่าน จะไม่มีการประกาศรายชื่อครั้งเดียวพร้อมๆ กันเป็นเอกสารในเว็บไซต์ ในส่วนผู้ที่ตรวจสอบข้อมูลแล้วไม่ผ่านคุณสมบัติ ในเว็บไซต์จะระบุรายละเอียดด้วยว่าไม่ผ่านด้วยเหตุผลอะไร และผู้ลงทะเบียนสามารถอุทธรณ์ผ่านเว็บไซต์ได้ว่ารายละเอียดของข้อมูลดังกล่าวตรงกันหรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบซ้ำให้พร้อมมีข้อมูลยืนยันอีกครั้ง
“นอกจากนี้เฉพาะผู้ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ จะมีการประกาศรายชื่อผ่านอีกหนึ่งช่องทางตามที่มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ให้ไว้ คือ ประกาศผ่านที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน และสำนักงานเขต ก็จะมีการแปะประกาศรายชื่อไว้ตามสถานที่ดังกล่าว ซึ่งจะประกาศตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เช่นกัน การประกาศรายชื่อผ่านช่องทางนี้ทั้งกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างเห็นชอบแล้ว” นายพรชัยกล่าว
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการ สศค. กล่าวว่า นอกจากมาตรการช่วยเหลือเรื่องค่ารถเมล์ รถไฟ ค่าน้ำ ค่าไฟ ที่เป็นมาตรการพื้นฐานให้ผู้มีรายได้น้อยแล้ว สศค.กำลังพิจารณามาตรการเพิ่มเติม เช่น ช่วยเหลือคนพิการ คนชรา ผู้มีหนี้นอกระบบ คนจนที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี รวมถึงมีแนวคิดสร้างแรงจูงใจให้ผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนไว้แล้วในกลุ่มที่ไม่ได้เป็นแรงงานในระบบ ยังไม่มีระบบการออมเพื่อการเกษียณเป็นสมาชิกของกองทุนออมแห่งชาติ (กอช.) โดยจะเสนอเงินเพิ่มให้กลุ่มนี้ในช่วงแรกที่สมัครเข้าเป็นสมาชิก ซึ่งจำนวนเงินยังไม่ชัดเจนอาจจะเป็นรายละ 100-200 บาท เพื่อเป็นแรงจูงใจเท่านั้น
ทั้งนี้มาตรการเพิ่มเติมจะมีอะไรบ้างขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ลงทะเบียนหลังตรวจสอบคุณสมบัติแล้วจะผ่านเกณฑ์มากน้อยแค่ไหนจากที่ลงทะเบียนไว้ 14.1 ล้านราย ขณะนี้รอสำนักงานสถิติแห่งชาติที่ส่งนักศึกษาลงพื้นที่สำรวจสภาพที่แท้จริงของผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา และครบกำหนดเก็บข้อมูลวันที่ 18 สิงหาคมนี้ ที่นอกจากตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนแล้วยังจะทราบถึงความต้องการด้านสวัสดิการและความช่วยเหลือจากภาครัฐด้วยเพื่อให้มาตรการที่ออกตรงตามความต้องการ
