เอสเอ็มอีแบงก์หวั่นน้ำท่วมภาคอีสานดันหนี้เสียพุ่ง-สั่งสาขาตั้งโต๊ะให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ

นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.หรือเอสเอ็มอีแบงก์) กล่าวว่า ธพว.กำลังติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน)ว่าจะกระทบต่อหนี้เสีย(เอ็นพีแอล) ของธนาคารหรือไม่ ล่าสุดสั่งการไปยังธพว.ในพื้นที่น้ำท่วมโดยเฉพะที่จังหวัดสกลนครและจังหวัดใกล้เคียงตั้งโต๊ะให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ คาดว่าจะมีผู้ประกอบการได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม 1,000 ราย วงเงินสินเชื่อประมาณ 1,500 ล้านบาท โดยในการช่วยเหลือใช้สินเชื่อฟื้นฟูเอสเอ็มอี จากอุทกภัยและภัยพิบัติ ปี 2560 เหลืออยู่ 3,500 ล้านบาทจากวงเงินภาพรวม 5,000 ล้านบาท

นายมงคล กล่าวว่า สถานการณ์ท่วมภาคอีสาน แตกต่างจากน้ำท่วมภาคใต้ เพราะกำลังซื้อภาคอีสานอยู่ในพื้นที่ทำให้ฟื้นตัวยากกว่าภาคใต้ที่กำลังซื้ออยู่นอกภาค โดยสินค้าที่ผลิตได้ภาคใต้ส่วนใหญ่เป็นยางส่งออกนอกพื้นที่ แต่อีสานจะปลูกข้าว เพื่อบริโภคในพื้นที่ และมีพื้นที่น้ำท่วมถึง 4 แสนไร่ ดังนั้นหากน้ำท่วมภาคอีสานยืดเยื้อ อาจเกิดปัญหาต่อหนี้เสียได้

นายมงคล กล่าวว่า สถานการณ์หนี้เสียธนาคารครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1.73 หมื่นล้านบาทคิดเป็น 17% โดยทั้งปีตั้งเป้าหมายลดหนี้เสียอยู่ที่ 1.66 หมื่นล้านบาท หรือ 16% คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย แม้ว่าขณะนี้เริ่มมีปัญหาหนี้เสียของเอสเอ็มอีก่อนปี 2558 ต้องนำเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องต่อศาลฯ เพิ่มขึ้น โดยพบว่าครึ่งปีแรกมีกลุ่มเอสเอ็มอีต้องเข้าสู่กระบวนการศาลคิดเป็นมูลหนี้ประมาณ 2,500 ล้านบาทคิดเป็น 2.5% ของหนี้เสีย เมื่อฟ้องร้องต้องนับเป็นหนี้เสียทันที แต่ส่วนใหญ่ 90% ถูกฟ้องจบที่คำพิพากษาของศาล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image