เล็งออกมาตรการช่วยเอสเอ็มอีป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน ก.ย.นี้

ปรีดี ดาวฉาย

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าและแข็งค่าเมื่อเทียบกับตั้งแต่ต้นปีมากที่สุดมากในเอเชีย เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการดูแลอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ภาวะนี้ลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) อาจจะได้รับผลกระทบ ซึ่ง ธปท. และสมาคมฯ อยู่ระหว่างการหารือเพื่อออกความช่วยเหลือลูกค้าเอสเอ็มอีโดยจะลดค่าธรรมเนียมการประกันความเสี่ยงให้อยู่ในระดับต่ำและภาครัฐจะมีเงินสนับสนุนคาดว่าจะมีมาตรการดังกล่าวออกมาในช่วงกลางเดือนกันยายนนี้

ด้านกลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา รายงานว่า ทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 33.10-33.35 ต่อดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 33.30 ต่อดอลลาร์สหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 27 เดือนครั้งใหม่ จากการรายงานการขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไทย ไตรมาส 2 ออกมาแข็งแกร่งกว่าคาด แต่พลิกกลับมาอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว หลัง ธปท.ขอความร่วมมือจากสถาบันการเงินให้แจ้งข้อมูลหากพบพฤติกรรมการโอนเงินบาทระหว่างบัญชีของผู้มีถิ่นฐานอยู่นอกประเทศที่ผิดปกติ นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังรายงานยอดขาดดุลการค้าเดือนกรกฎาคมซึ่งถือเป็นการขาดดุลครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2558 ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยด้วยมูลค่า 6.0 พันล้านบาท และ 9.2 พันล้านบาท ตามลำดับ

“สัปดาห์นี้ ตลาดการเงินโลกจะจับตาข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนสิงหาคมของสหรัฐ รวมถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับแผนการปฏิรูปภาษีของรัฐบาลทรัมป์ ส่วนในประเทศแม้ว่าเงินบาทจะเผชิญแรงขายจากประเด็นขาดดุลการค้าซึ่งทางการคาดว่าไทยจะขาดดุลอีกสักระยะหนึ่ง มองว่าหากยอดนำเข้าที่สูงขึ้นต่อเนื่องสะท้อนการฟื้นตัวของภาคการผลิตและการลงทุนภาคเอกชน สัญญาณเชิงบวกของการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมอาจกระตุ้นเงินทุนไหลเข้าระยะยาวจากต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยจำกัดการอ่อนค่าของเงินบาทโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่เงินดอลลาร์ในตลาดโลกยังคงเผชิญกับปัจจัยลบหลายอย่างรุมเร้า” กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ระบุ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image