พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 12-13 กันยายน 2560 สำนักงาน กสทช.ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติในหัวข้อ Over the top หรือ OTT ที่ โรงแรมโอกุระ โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 100 คน ประกอบด้วยผู้ให้บริการโทรคมนาคม ผู้ให้บริการ OTT และหน่วยงานกำกับดูแลจากประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ โดยผลของการประชุมครั้งนี้ จะนำไปรวมกับหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ OTT ที่มี พ.อ.นที ศุกลรัตน์ กรรมการกสทช.เป็นประธาน มีอยู่แล้ว เพื่อนำหลักเกณฑ์การกำกับดูแลการแพร่ภาพและกระจายสายบนอินเตอร์เน็ต(OTT)ไปประชาพิจารณ์ต่อไป คาดว่าจะได้แนวทางการกำกับทันภายในปีนี้
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกสทช. กล่าวว่า การจัดประชุมในครั้งนี้ เป็นผลจากหน่วยงานกำกับดูแลของประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ได้เห็นชอบร่วมกันในการประชุมสภาหน่วยงานกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมแห่งอาเซียน หรือ ASEAN Telecommunications Regulators’ Council (ATRC) ที่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ให้มีการเปิดเวทีเพื่อให้ผู้ลงทุนในโครงข่ายโทรคมนาคม ผู้ให้บริการ OTT และหน่วยงานกำกับดูแล ได้ร่วมหารือ และอภิปรายกันอย่างกว้างขวางในหลากหลายประเด็น
อย่างไรก็ตาม วัตถุประสงค์ของการประชุม ยังมีขึ้นเพื่อเพื่อสนับสนุนกรอบความร่วมมือของอาเซียนในการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์สถานการณ์ และกำหนดแนวทางดำเนินการเพื่อรองรับบริการ OTT ในภูมิภาคอาเซียนในอนาคต โดยสำนักงาน กสทช. จะนำผลของการประชุมรายงานต่อที่ประชุม ATRC เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการกำหนดกรอบความร่วมมือระหว่างกันในอนาคต
“การประชุมครั้งนี้ มีการหารือกันในหลายประเด็น เช่น ภาพรวมของบริการ OTT โอกาสทางธุรกิจ ผลกระทบต่อโครงข่ายโทรคมนาคม ความท้าทายในเรื่องการกำกับดูแล และการคุ้มครองผู้บริโภค โดยรูปแบบจะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้แสดงความคิดเห็นอย่างเท่าเทียมกันในทุกประเด็น และมีผู้ดำเนินการประชุมคือ นายปีเตอร์ เลิฟล็อค (Peter Lovelock) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญจาก Technology Research Project Corporate (TRPC) มีประสบการณ์ตรงด้านโทรคมนาคมกว่า 25 ปี ซึ่งหัวข้อที่สำคัญที่จะหาข้อสรุปร่วมกัน มี 5 หัวข้อ ได้แก่ 1. ธุรกิจใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นจาก OTT 2.ผลกระทบของ OTT ที่มีผลกระทบด้านการเงิน เช่น แนวทางการเก็บภาษี 3.ผลกระทบที่มีต่อโทรคมนาคม เพราะถูก OTT ใช้พื้นที่ความกว้างของช่องสัญญาณ(แบนด์วิธ) 4. การออกกฎเกณฑ์ต่างๆ ว่าควรจะมีหรือไม่ และ 5.การคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อให้ประเทศในอาเซียนมีกรอบการดูแลที่เหมือนกัน”นายฐากรกล่าว