ประมงลั่นกลองรบ เดินหน้าต่อต้านอียู หยุดคุกคามประเทศไทย

เวลา 02.00 น.วันที่ 21 กันยายน ที่ตลาดปลาแม่กลอง ต.แหลมใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม นายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ในฐานะนายกสมาคมประมงสมุทรสงคราม นำผู้ประกอบการตลาดปลา แพปลา ท่าเทียบเรือ และเรือประมง กว่า 3,000 คน ใส่เสื้อสีดำมีคำว่าต่อต้าน EU(อียู) เพื่อแสดงพลังให้ อียู เห็นว่าการที่ เสนอให้รัฐบาลไทยแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายที่ผ่านมานั้น ได้สร้างความเดือดร้อนให้ชาวประมงทั้งประเทศเป็นอย่างมาก บางรายสูญเสียทรัพย์สินและไม่สามารถประกอบอาชีพได้ เศรษฐกิจโดยรวมภาคประมงเสียหายไปแล้วกว่า 5 แสนล้านบาท นอกจากนี้ท่าเทียบเรือ, ตลาดปลา, แพปลา รวมไปถึงเรือประมงก็จะติดแผ่นป้ายประท้วงอียู เช่นกัน

นายมงคล กล่าวว่า รัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา กฎระเบียบว่าด้วยการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ไม่รายงาน และไร้การควบคุม (ไอยูยู-IUU) อย่างเต็มที่ และเกินศักยภาพที่เราจะทำได้ เนื่องจากประมงนอกน่านน้ำซึ่งมีเรือกว่า 1,000 ลำ เจ๊งหมดแล้ว เสียหายปีละ 60,000-100,000 ล้านบาท เรือประมงในประเทศกว่า 40,000 ลำ เหลือเพียง 10,600 ลำ ในจำนวนนี้ไม่สามารถออกทำการประมงอีก 3,500 ลำ เพราะขาดแคลนแรงงาน ทำให้เสียหายเดือนละ 20,000 ล้านบาท รวม 2 ปี เศรษฐกิจภาคประมงเสียหายไปแล้วกว่า 500,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้ยังไม่รวมอุตสาหกรรมต่อเนื่องภาคประมง และปัจจัยพื้นฐานของภาคประมง เช่น เสบียงอาหาร, ห้องพักแรงงาน, ร้านค้าขายของ, โรงงานน้ำแข็ง เป็นต้น ที่ได้รับผลกระทบอีกจำนวนมาก ตนจึงเชื่อว่าอียู ตั้งแง่มากเกินไป เนื่องจากเงื่อนไขการเมืองระหว่างประเทศ เพราะรัฐบาลไทยไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่มาจากการรัฐประหาร เป็นรัฐบาลเผด็จการ อียู จึงตั้งแง่และไม่เป็นธรรมกับชาวประมงไทย รัฐบาลจึงควรทบทวนว่าจะเดินตามอียู ต่อไปหรือไม่ หากเอาอียู เป็นตัวตั้งก็ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนเป็นเงื่อนไขให้ชาวบ้านเกียจรัฐบาล และจะทำให้ประเทศไทยเจ๊งไปมากกว่านี้ รัฐบาลจึงควรทบทวนและกลับมามองคนในประเทศไทยดีกว่า และแก้ปัญหาเพื่อชาวประมง สิ่งไหนทำได้ สิ่งไหนทำไม่ได้ เพื่อให้ประชาชนมีกินมีใช้ ไม่ควรเอาอียู มาเป็นตัวตั้งทำให้คนไทยเดือดร้อน ตนจึงอยากให้รัฐบาลหันกลับมามอง และคิดใหม่ว่าจะแก้ปัญหา ไอยูยู เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและชาวประมงที่เป็นคนไทย ไม่ใช่เพื่ออียู

Advertisement

นายมงคล กล่าวว่า ส่วนการที่ประเทศไทยจะส่งออกอาหารทะเลไปอียู หรือไม่นั้น ตนมองว่าไม่มีความจำเป็นเพราะไทยไม่ได้ส่งออกไป อียู แต่เรานำเข้ามาบริโภคภายในประเทศมากกว่า อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา ชาวประมงได้ทำหนังสือเปิดผนึกยื่นที่สถานฑูต อียู ประจำประเทศไทย เพื่อขอให้ อียู หยุดคุกคามประเทศไทยและชาวประมงไทย เนื่องจากที่ผ่านมา อียู ได้เข้ามาบงการให้รัฐบาลกระทำการต่างๆกับชาวประมง ดังนั้น วันนี้ภาคประมงซึ่งประกอบด้วยผู้ประกอบการตลาดปลา แพปลา ท่าเทียบเรือ และเรือประมงในจังหวัดสมุทรสงคราม ทนต่อไปไม่ไหวจึงพร้อมใจกันใส่เสื้อสีดำเป็นสัญลักษณ์แสดงออกถึงความไม่พอใจและประท้วง อียู ร่วมกับชาวประมงทั้งประเทศ ที่แซกแซงกิจการของประเทศไทยมากเกินไปโดยเฉพาะภาคประมงได้รับความเดือดร้อนอย่างสาหัสมานาน 2 ปีแล้ว และหากทาง อียู ยังไม่เลิกแซกแซงกิจการของประเทศไทย ชาวประมงทั่วประเทศจะมีมาตรการอื่นๆ ตามมาอีกแน่นอน เช่น การบอยคอตไม่ซื้อสินค้าจากประเทศ อียู และจะไม่สนับสนุนให้บริษัทในกลุ่มประเทศ อียู มารับสัมปทานขุดเจาะปิโตเลียมในน่านน้ำไทยด้วย เป็นต้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image