นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบขยายเวลาโครงการรถเมล์และรถไฟฟ้า ออกไปอีก 1 เดือน จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน 2560 เป็นวันที่ 31 ตุลาคม 2560 เพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนด้านเดินทาง โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 409.057 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายสำหรับรถโดยสารประจำทางธรรมดาขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน 800 คันต่อวัน วงเงิน 322.557 ล้านบาท และรถไฟชั้น 3 ระยะทางไกลในขบวนรถเชิงพาณิชย์ 8 ขบวนต่อวัน วงเงิน 86.5 ล้านบาท ทั้งนี้การขยายเวลาโครงการดังกล่าว ทำให้โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน ที่จะเริ่มให้ประชาชนมาใช้บริการในส่วนของรถเมล์ขสมก. ในวันที่ 15 ตุลาคม เลื่อนออกไปเช่นกันเป็นวันที่ 1 พฤศจิกายน เนื่องจากโครงการรถเมล์ฟรียังอยู่
“การขยายโครงการรถเมล์ฟรี ถือว่าสอดคล้องกับโครงการบัตรคนจน ที่ในส่วนของรถขสมก.จะเริ่มใช้เครื่องอ่านบัตรได้ในวันที่ 15 ตุลาคม ซึ่งถือเป็นกลางเดือน ทำให้รัฐบาลมีแผนที่จะชดเชยในเรื่องดังกล่าว แต่เมื่อมีการขยายเวลาโครงการรถเมล์ฟรี ออกไปถึงวันที่ 31 ตุลาคม ก็ประจวบเหมาะพอดีกับการที่เริ่มใช้บัตรคนจนในรถขสมก. ซึ่งขณะนี้ติดตั้งอ่านบัตรไปแล้ว 200 คัน คาดว่าในวันที่ 15 พฤศจิกายน จะสามารถติดตั้งได้เพิ่มเป็น 800 คัน วันที่ 1 ธันวาคม เป็น 1,600 คัน และในวันที่ 1 เมษายน 2561 ติดตั้งได้ครบทั้งหมด 2,600 คัน ”นายอาคม กล่าวว่า
นายอาคม กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าของการติดตั้งเครื่องอ่านบัตร (อีทีซี) ในส่วนของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ขณะนี้สามารถติดตั้งได้ครบแล้วทุกสถานี จำนวน 534 เครื่อง พร้อมรองรับบัตรคนจน วันที่ 1 พฤศจิกายน หลังสิ้นสุดโครงการรถไฟฟรี และบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ติดตั้งไปแล้วทั้งสิ้น 121 เครื่อง พร้อมรองรับบัตรคนจน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป ตามเป้าหมายเดิมของรัฐบาล
