เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พระครูสุธีกิจจาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยกรณีเจ้าคณะใหญ่หนแจ้งไปยังเจ้าคณะเขตปกครองพระสงฆ์ทั่วประเทศห้ามจำหน่ายวัตถุมงคลภายในอุโบสถวัด ว่า ได้โยกย้ายตู้จำหน่ายวัตถุมงคลออกจากวิหารหลวงพ่อโตและจากพระอุโบสถรวมถึงตรงด้านหน้าและโดยรอบไปจนหมดสิ้นแล้ว โดยย้ายไปในจุดกองอำนวยการด้านข้างวัดคิดกับลานจอดรถแทน ส่วนรูปเคารพเทพเจ้า โดยเฉพาะตามความชื่อของคนไทยเชื้อสายจีน ได้นำออกจากหน้าวิหารหลวงพ่อโตแล้วเช่นกัน และจะย้ายในจุดศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก ซึ่งมีมาคู่กันวัด ส่วนการห่มผ้าหลวงพ่อโต จากเดิมมีการโยนผ้าไตรจีวรขึ้นไปที่องค์พระหลวงพ่อโต ได้สั่งห้าม และเปลี่ยนมาเป็นนำผ้าไตรจีวรมากล่าวคำถวาย และนำวางที่โต๊ะด้านหน้าหลวงพ่อโตเท่านั้น ซึ่งมีเจ้าหน้าที่คอยอธิบาย พร้อมกับติดป้ายขนาดใหญ่และเล็ก เพื่อแจ้งให้ผู้มากราบไหว้ทราบโดยทั่วกัน
“ สำหรับข้อห้ามต่าง ๆ ที่กำหนดมาคณะสงฆ์พร้อมน้อมรับปฏิบัติตามอย่างเต็มใจ และถือเป็นโอกาสที่ดีในการจัดระเบียบพื้นที่ของวัดทั่วประเทศ ให้มีระเบียบเรียบร้อย ไม่ขัดต่อพระธรรมวินัย และข้อครหาเชิงพุทธพาณิชย์ ส่วนข้อสงสัยที่ว่า จะทำให้ยอดเงินบริจาคทำบุญน้อยลงหรือไม่นั้น หากมองที่จำนวนเงิน แน่นอนว่าอาจลดลงถึง 50% แต่ประเด็นเรื่องเงินทำบุญไม่ใช่ประเด็นหลักของการเข้าวัด เพราะประเด็นหลักอยู่ที่การเข้าวัดเพื่อตั้งมั่นในศีลธรรม ดังนั้นต้องยึดประเด็นหลักก่อน ส่วนเงินทำบุญเป็นสาระที่รองลงมา แต่เชื่อว่าเมื่อทุกอย่าลงตัว และมีความเคยชินในรูปแบบใหม่ นักท่องเที่ยวและคนทำบุญ รวมถึงจำนวนเงินบริจาคจะดีเหมือนเดิม ” พระครูสุธีกิจจาภรณ์ กล่าวและว่าในการจัดระเบียบของวัดพนัญเชิงคาดว่าจะใช้เวลาอีก 2-3 วัน โซนนิ่งชั่วคราวจะแล้วเสร็จ และต่อไปต้องดูสภาพพื้นที่โดยรอบว่าตรงไหนเหมาะสมที่สุด ที่จะใช้เป็นโซนนิ่งแบบถาวร ซึ่งไม่ใช่เพียงย้ายออกไป แต่จุดใหม่ต้องเหมาะสม มีขัดหลักเกณฑ์ และไม่ขัดจิตศรัทธาของประชาชน เรียกว่าทุกอย่างต้องอยู่ในจุดที่เหมาะสม ลงตัว และไม่ผิดระเบียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพระธรรมรัตนมงคล เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กำหนดเชิญพระสงฆ์ผู้ครอง ระดับเจ้าคณะอำเภอและเจ้าคณะตำบลของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาประชุมโดยพร้อมกัน เพื่อวางรูปแบบ กรอบดำเนินการ ตามแนวทาง เพื่อให้วัดในจังหวัดที่มีพระจำพรรษากว่า 400 วัดได้ปฏิบัติอย่างถูกต้อง
ด้านนางดวงพร พิสิทธิ์พิทยาภรณ์ อายุ 74 ปี กล่าวว่า รูปแบบการห่มผ้าหลวงพ่อโตที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น หากถามตนเอง ยอมรับว่าไม่มีผลกระทบอย่างไร และเฉยๆกับรูปแบบที่ปรับเปลี่ยน เพราะว่าเนื้อแท้ ตนเองและชาวพุทธทั่วไป สิ่งแรกที่เดินทางมากราบไหว้หลวงพ่อโต คือมากราบไหว้องค์ท่าน และตนเองก็เดินทางมาแต่เด็กๆแล้ว สมัยก่อนนานมาแล้ว ก็ไม่มีการโยนผ้าจีวรขึ้นไปห่มองค์พระ พวกเราก็มากราบไหว้ ถวายสังฆทานหรือถวายผ้าไตรจีวร ที่หน้าองค์พระเท่านั้น ต่อมาเมื่อเปลี่ยนธรรมเนียมปฏิบัติหรือรูปแบบเป็นการโยนผ้าขึ้นไปห่มองค์พระในทันที และคนที่มาทำบุญชอบ เพราะเชื่อว่าได้เป็นการห่มองค์พระจริงๆ ทุกคนก็ทำตาม เพราะเขาทำกัน แต่มาวันนี้ยกเลิก ให้กลับมาถวายผ้าไตรจีวรที่โต๊ะด้านหน้าองค์พระแทน ก็ไม่เป็นไร ก็เหมือนสมัยก่อน ๆ และอยากจะบอกว่า อย่าไปติดอะไรมากมาย