‘บลจ.วรรณ’เผยฟันด์โฟลว์เริ่มชะลอตัว-แต่คาดเม็ดเงินลงทุน LTF ปลายปีจะหนุนตลาดหุ้นยืนได้

นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด หรือ บลจ.วรรณ เปิดเผยว่า กระแสเงินทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ที่ไหลเข้าไทยจะเริ่มชะลอตัวและเป็นแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงของไทยในระยะสั้น หลังการพิจารณาร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีสหรัฐ มีความคืบหน้ามากขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น จึงมีคำแนะนำต่อนักลงทุนว่าต้องระวังแรงขายทำกำไรในช่วงที่ดัชนีฯเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 1,700 จุด

“ประเมินแนวโน้มเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,680-1,720 จุด โดยยังคงมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย จากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น ทำให้หน่วยงานด้านเศรษฐกิจหลายแห่งทยอยปรับเพิ่มเป้าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้ รวมถึงความคืบหน้าของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่ส่งผลให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนตรงเพิ่มขึ้น ประกอบกับในช่วงปลายปีจะมีเม็ดเงินจากกองทุนรวมหุ้นระยาว (แอลทีเอฟ) ไหลเข้าซื้อหุ้นไทยประมาณ 30,000 ล้านบาท เป็นปัจจัยบวกหนุนดัชนีไม่ให้ปรับตัวลงได้มาก” นายพจน์กล่าว

นายพจน์กล่าวว่า ปัจจัยที่ต้องติดตามในช่วงนี้คือ การประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2560 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่จะทยอยประกาศตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคมเป็นต้นไป ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าผลประกอบการหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของไทยมีแนวโน้มปรับตัวลง นอกจากนี้ ต้องติดตามความคืบหน้าทางการเมืองของสหรัฐ หลังมีการอนุมัติงบประมาณปี 2561 วงเงิน 4.1 ล้านดอลลาร์ รวมถึงถ้อยแถลงของนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในวันที่ 12 ตุลาคมนี้ ซึ่งอาจมีการส่งสัญญาณการลดขนาดการเข้าซื้อพันธบัตร และรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดือนกันยายนที่ผ่านมา ต่อแนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยฯในช่วงที่เหลือของปีนี้

นายพจน์กล่าวเพิ่มเติมว่า หลักทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวคือ กลุ่มค้าปลีก อย่างไรก็ตาม แนะนำขายทำกำไรบางส่วนในหลักทรัพย์ที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเต็มมูลค่าแล้ว และทยอยสะสมเมื่อดัชนีฯย่อตัวลง ซึ่งบริษัทแนะนำกองทุนเปิดวรรณเอเอ็มซีเล็คทีฟโกรทหุ้นระยะยาว (1SG-LTF) โดยมีลักษณะการบริหารกองทุนแบบเชิงรุกเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนให้ชนะดัชนีตลาดหุ้น โดยผลการดำเนินงานของ 1SG-LTF อยู่ที่ระดับ 16.98% 5.03% และ 9.83% ในช่วง 1 ปี , 3 ปี และ 5 ปีตามลำดับ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image