นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(บอร์ดอีอีซี)กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ที่มีนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม(บอร์ดบริหารอีอีซี) ครั้งที่ 5 ที่กระทรวงอุตสาหกรรม ว่า ที่ประชุมบอร์ดบริหารอีอีซีได้รับทราบหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน พ.ศ.2560 และประกาศลำดับรอง(พีพีพี)
หรือ ประกาศอีอีซี แทรค ซึ่งประกาศใช้แล้ว โดยจะมีประกาศลำดับรอง 5 ฉบับ ที่กำหนดรูปแบบ รายละเอียดของโครงการ คุณสมบัติที่ปรึกษาไทยหรือต่างประเทศ การคัดเลือกเอกชนลงทุน รายละเอียดกรณีคัดเลือกเอกชนโดยไม่ใช้วิธีการประมูล โดยประกาศอีอีซี แทรค จะนำมาใช้กับ 5 โครงการร่วมลงทุนกับเอกชนตามที่บอร์ดอีอีซีประกาศไว้ วงเงินลงทุน 400,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะลงนามสัญญาเดินหน้าก่อสร้างได้ภายในเดือนกันยายน 2561
สำหรับ 5 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออก ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสม 2.โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินแบบไร้รอยต่อ ปัจจุบันอยู่ระหว่างเสนอบอร์ดอีอีซีอนุมัติหลักการโครงการ 3.โครงการท่าเรือแหลมฉบังระยะ3 ปัจจุบันอยู่ระหว่างเสนอรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ(อีเอชไอเอ) 4.โครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะ 3 ปัจจุบันอยู่ระหว่างเสนออีเอชไอเอ และ5.โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา ปัจจุบันอยู่ระหว่างบอร์ดอีอีซีอนุมัติหลักการ
“วันที่ 22 พฤศจิกายน จะมีการประชุมบอร์ดอีอีซี ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยวาระสำคัญที่จะนำเสนอได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินแบบไร้รอยต่อ โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา เพื่อให้บอร์ดอนุมัติในการหลักการ “นายคณิศกล่าว
