…ทางสองแพร่ง สามแพร่งของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะปรับ ครม.กี่ตำแหน่ง ปรับย่อยหรือปรับใหญ่ ที่แน่ๆ คือ ต้องตั้งคนแทน “บิ๊กบี้” พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ที่ลาออกจาก รมว.แรงงาน ตอนนี้ ปล่อยชื่อออกมา 2-3 คน อาทิ “บิ๊กฉัตร” พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ และอีกชื่อ พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ที่เพิ่งลาออกจากประธานบอร์ด รฟม.
…“ชื่อ-ชั้น” ของสองบิ๊ก เป็น “เพื่อน” ของบิ๊กตู่ทั้งคู่ แต่สถานการณ์ความต้องการของเนื้องานที่เดิมพันด้วยชะตากรรมของประเทศในวันนี้ จะวนเวียนวางตัวกันอยู่แค่ “เพื่อนพ้องน้องพี่” คงไม่ได้ ถ้าจะเอากันอย่างนั้น ประเทศไทยคงไม่ต้องไปไหนกัน
…“กระทรวงแรงงาน” ฟังชื่อก็งั้นๆ เหมือนจะเข้าไปใช้อำนาจทุบโต๊ะสั่งการได้เลย แต่เมื่อมีปัญหา IUU Fishing จากสหภาพยุโรป และ TIP Report ของสหรัฐ ขึ้นมา ก็กลายเป็น “เรื่องใหญ่” และ “ใหม่” ที่ระบบราชการไทยก้าวตามไม่ทัน ผลคือ โดน “ติดลบ” ส่อเค้าจะเสียหายเศรษฐกิจ “ใหญ่โต” ถ้าแก้ไม่ได้
…ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ต้องประเมินด้วยใจนิ่งๆ ไม่เข้าใครออกใคร อย่างตอนนี้ “พรรคการเมือง” ออกมาถล่มแหลกว่าควรปรับ “กระทรวงเศรษฐกิจ” เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจระดับปากท้องและรากหญ้าให้ได้ นี่เป็น “เรื่องใหญ่” ถ้ารัฐบาลมองการเมืองไกลๆ ออกไป การแก้ปัญหาระดับนี้ คือ “คะแนนเสียง” ล้วนๆ
…ไหนๆ ปรับก็ “ยกเครื่อง” เป็น “เมเจอร์ เชนจ์” ไปเลย งานของรัฐบาล นอกจากเรื่องเศรษฐกิจ ยังมีเรื่องของการ “ปฏิรูป” คือ การใช้อำนาจเพื่อ “สร้างระบบ” ที่มีประสิทธิภาพในเรื่องต่างๆ ไม่โกง ไม่กิน “เงิน-งบ” ไม่หาย หกตกหล่น ถามว่าเรื่องนี้ก็สำคัญ ทำกันไปมากน้อยแค่ไหนแล้ว “ระบบ” ที่ต้องรื้อล้างสร้างใหม่นี้ มีทุกกระทรวง ทำได้กี่กระทรวงแล้ว
…น่าสนใจ วีระ สมความคิด เอ็นจีโอสายต้านโกง วิเคราะห์ผ่านเฟซบุ๊กว่า การรัฐประหารของ คสช.ในที่สุดก็ “เสียของ” รัฐบาล คสช. จึงต้อง “ทำทุกอย่าง” เพื่อต้องการรักษาอำนาจ ทำให้เข้าสู่ “กับดัก” ของวงจรอุบาทว์อย่างหลีกหนีไม่พ้น
…“วีระ” ระบุว่า คสช.มีแผนลงสู่สนามการเลือกตั้ง เพื่อ “สกัดพรรคเพื่อไทย” ด้วย “2 ยุทธศาสตร์สำคัญ” คือ 1.แผนชิงมวลชน ที่เห็นกันล่าสุดเช่น “บัตรผู้มีรายได้น้อย” ที่แจกจ่ายเงินให้กับประชาชนผ่านบัตร ก่อนหน้านี้รัฐบาลก็มีหลายโครงการเพื่อเอาใจประชาชน ที่เรียกชื่อใหม่ว่า “โครงการประชารัฐ” และ 2.แผนชิง ส.ส. มีการตั้งพรรคชื่อ “พรรคพลังชาติไทย” ขึ้นมา เพื่อเป็นตัวล่อ ดึงอดีต ส.ส.จาก “พรรคเพื่อไทย”
…พร้อมกับชี้ว่าเป็น “โมเดล” ใกล้เคียงกับ “พรรคสามัคคีธรรม” สมัย รสช. และเข้าสู่การเลือกตั้งในปี พ.ศ.2535 คำเตือนจาก “วีระ” ก็คือระวังประวัติศาสตร์จะ “ซ้ำรอย” เมื่อประชาชนหมดความอดทนจะเกิดการลุกฮือ เพื่อออกมาขับไล่ คงจำเหตุการณ์ “พฤษภาทมิฬ” กันได้-นั่นคือความเห็นของ “วีระ” ที่น่าจะต้องรับฟังกัน
กาแฟป่า
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่