นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังประชุมบูรณาการกับภาครัฐและธนาคารรัฐ เรื่อง การส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบการและผู้มีรายได้น้อย ว่า ได้มีการรายงานผลการดำเนินงานครบ 1 เดือน ช่วงวันที่ 1-31 ตุลาคม 2560 ในส่วนการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านบัตรแล้ว 2,700 ล้านบาท คิดเป็น 80% ของวงเงินที่รัฐจัดสรรทั้งหมด คาดว่า 3 เดือนแรกของโครงการฯจะมีการใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มเป็น 9,000 ล้านบาท จากร้านค้าที่มีเครื่องรูดบัตร(อีดีซี)รับบัตรสวัสดิการตามเป้าหมาย 18,000 แห่ง และ 1 เดือนที่ผ่านมาสามารถให้บริการผู้มีรายได้น้อยได้ถึง 10 ล้านคนทั่วประเทศจากที่มีร้านธงฟ้า 12,000 แห่ง ส่วนเรื่องที่มีการร้องเรียนได้ตัดสิทธิร้านค้าออกจากโครงการร้านธงฟ้าแล้ว 7 แห่ง และปรับ 1 ราย
สำหรับเฟส 2 ของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้ข้อสรุปแล้วเน้นส่งเสริมผู้ที่ถือบัตรผู้มีรายได้น้อยที่สนใจอยากมีอาชีพ ให้เข้ามาทำธุรกิจแฟรนไชส์ ตั้งเป้าหมาย 20,000 รายในปี 2561 ได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จัดหาแฟรนไชส์ท้องถิ่น เช่น ก๋วยเตี๋ยว ลูกชิ้น เป็นต้น มาเซ็นสัญญาทำธุรกิจร่วมกับผู้มีรายได้น้อยทำต่อเป็นอาชีพ และผลักดันสินค้าชุมชนเข้าร้านประชารัฐ โดยธนาคารรัฐจะช่วยสนับสนุนสินเชื่อตามแผนดังกล่าว
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ในส่วนมาตรการช้อปช่วยชาติ วันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ กรมการค้าภายในจะเชิญห้างและผู้ผลิตมาหารือทำโครงการเสริมมาตรการช้อปช่วยชาติ ทั้งการจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้า ขอให้ห้างลดค่าวางสินค้าขายในห้าง ส่งเสริมการเพิ่มขายสินค้าโอทอป เป็นต้น นอกจากนี้ ยังสั่งการให้กรมการค้าภายใน ตรวจสอบห้างแห่งหนึ่งที่มีการเปลี่ยนป้ายติดราคาสินค้า เช่น โทรทัศน์ โดยปรับราคาให้สูงขึ้นในช่วงมาตรการช้อปช่วยชาติ ซึ่งกรมการค้าภายใน ได้ออกหนังสือแจ้งเตือนห้างร้านต่างๆไม่ให้มีพฤติกรรมฉวยโอกาสขึ้นราคากับประชาชนช่วงช้อปช่วยชาติ หากเจอการกระทำผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มีโทษทั้งจำทั้งปรับ
