ผู้เขียน | พรรณราย เรือนอินทร์ |
---|
ภาพจำเกี่ยวกับเมืองหลวงชื่อว่ากรุงเทพมหานครอาจเป็นสีสัน ความทันสมัย ผู้คนและรถราขวักไขว่ ราวกับทุกวินาทีที่ผ่านพ้นไปช่างรวดเร็วเกินกว่าจะไขว่คว้าความหมายของชีวิต
สังคม วัฒนธรรม และวิถีของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วไม่อาจหยุดยั้ง เช่นเดียวกับเรือกสวนย่านบางขุนเทียน ฝั่งธนบุรีที่ในอดีตเคยเป็นแหล่งเพาะปลูกผลไม้หลากหลายชนิด หนึ่งในนั้น คือ ‘ลิ้นจี่’ ซึ่งในทุกวันนี้แทบไม่หลงเหลือ มีเพียงชื่อ ‘คุ้งลิ้นจี่’ ริมคลอง ภาพถ่ายเก่าสีขาวดำซีดจาง และคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่เป็นสักขีพยานการ (เคย) มีอยู่ของสวนลิ้นจี่ที่ครั้งหนึ่งนับเป็นผลผลิตขึ้นชื่อของชุมชนเมื่อกว่าครึ่งศตวรรษที่แล้ว
ทว่า ลูกหลานชาวสวนตัวจริงอย่าง พรทิพย์ เทียนทรัพย์ ไม่เคยหลงลืม ในทางกลับกัน ยังเป็นความทรงจำอันแจ่มชัด พร้อมถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อการอนุรักษ์อย่างเข้าใจโลกยุคใหม่

‘ภูมิใจ การ์เด้น’ จึงถือกำเนิดขึ้นบนที่ดินของครอบครัวซึ่งเป็นตระกูลเก่าแก่ของบางขุนเทียน เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้วิถีชาวสวนที่อบอวลด้วยบรรยากาศอบอุ่น ร่มรื่นเขียวขจีด้วยไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขา น้ำคลองใสสะอาดที่เอ่อล้นริมฝั่ง อากาศบริสุทธิ์เย็นสบาย
ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวแบบฉาบฉวย หากแต่เป็นขุมทรัพย์ยากประเมินค่าที่น่าเดินทางมาเยี่ยมเยือนสักครั้ง
เปิดตำนาน ‘ลิ้นจี่ บางขุนเทียน’ ขึ้นทะเบียน ‘จีไอ’
ย้อนเวลากลับไปเมื่อกว่า 50 ปีก่อน พื้นที่แถบบางขุนเทียนก่อนแบ่งเป็นเขตจอมทองและเขตบางบอน ถือเป็นอำเภอที่ปลูกลิ้นจี่ซึ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือมากที่สุด สองฝั่งของคุ้งน้ำที่อยู่เลยเข้าไปจากวัดบางขุนเทียนนอก บางขุนเทียนกลาง และบางขุนเทียนใน มากมายไปด้วยสวนลิ้นจี่ รศ. สมใจ นิ่มเล็ก ราชบัณฑิตชาวบางขุนเทียน เคยเขียนบทความเล่าบรรยากาศในยุคนั้นไว้ว่า มีเสียงการ ‘ชักตะขาบ’ เครื่องมือไล่สัตว์ทำจากไม้ ดังระงมทั้งกลางวันและกลางคืน
จุดเด่นของลิ้นจี่บางขุนเทียน คือ รสชาติซึ่งแตกต่างจากที่อื่น ผิวสีแดงคล้ำออกไหม้ รสหวานเม็ดเล็ก เรียกว่า ‘เม็ดตาย’ เมื่อแกะเปลือกออกจะเผยให้เห็นเยื่อบางๆสีชมพูห่อหุ้มเนื้อที่ไม่ฉ่ำน้ำไว้อีกชั้นหนึ่ง ลิ้นจี่ที่นี่มีหลายพันธุ์ ที่ขายดีที่สุดคือพันธุ์ ‘ใบยาว’ เพราะอร่อยกว่าพันธุ์อื่นๆ เช่น พันธุ์ใบอ้อ, ใบเขียวหวาน, กะโหลกยักษ์, กะโหลกในเตา, กะโหลกใบขิง, กะโหลกไฟไหม้, กระโถนท้องพระโรง, แห้ว, ตลับนาก เป็นต้น

ลิ้นจี่เป็นผลไม้ที่ชอบความหนาวเย็น ปีไหนยิ่งหนาว ก็ยิ่งออกลูกเยอะ พร้อมให้เก็บเกี่ยวในช่วงเดือนมีนาคม ถึงเมษายน ชาวสวนใช้ ‘พะอง’ ซึ่งทำจากไม้ไผ่ลำยาวปีนขึ้นไปสอยด้วยไม้ง่าม นำมามัดรวมเป็นช่อ ช่อละประมาณ 100 ลูก ราคาตามตกลง ไม่ได้ขายเป็นกิโลกรัมเหมือนปัจจุบัน ส่วนผลที่ร่วงหล่นตามพื้น ถูกเก็บใส่กระทงใบตองขายถูกๆ นับเป็นภาพชีวิตที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมเสน่ห์
น่าเสียดายที่สภาพอากาศซึ่งเปลี่ยนแปลง ทำให้ลิ้นจี่ย่านบางขุนเทียนไม่ออกผลสะพรั่งเหมือนแต่ก่อน และนี่เองคือเหตุผลที่การปลูกลิ้นจี่ในย่านนี้ค่อยๆหมดไป จึงเป็นที่มาของความพยายามอนุรักษ์ลิ้นจี่โบราณและพลิกฟื้นภูมิปัญญาขึ้นมาอีกครั้ง โดยคุณพรทิพย์ เล่าว่า ที่สวนแห่งนี้ยังดูแลลิ้นจี่อายุกว่า 100 ปีไว้ได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงเท่านั้น ล่าสุดยังขึ้นทะเบียนลิ้นจี่ตาม โครงการส่งเสริมหนึ่งจังหวัดหนึ่งสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI ตามคำแนะนำของรองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพานิชย์ และคณะที่เคยเดินทางมาเยี่ยมชมสวนอีกด้วย

สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ คือเครื่องหมายที่ใช้กับผลิตผลจากแหล่งเฉพาะเจาะจง เปรียบเสมือนแบรนด์ท้องถิ่นที่บ่งบอกคุณภาพและแหล่งที่มา การขึ้นทะเบียนช่วยคุ้มครองให้สินค้าเป็นสิทธิ์เฉพาะของชุมชน ช่วยเพิ่มมูลค่ารักษามาตรฐานภูมิปัญญา สร้างความเข้มแข็งสามัคคี อีกทั้งสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชน
“อยากทานลิ้นจี่บางขุนเทียน ต้องมาช่วยกันลุ้นให้หนาว เพราะลิ้นจี่จะออกผล ต้องหนาวจัด ปีไหนหนาวๆ เคยเก็บได้ 2 ตัน ขายกิโลละ 200 บาท ที่นี่เก็บลิ้นจี่โบราณ 100 ปีไว้ และยังมีพันธุ์ขายต้นละ 300 บาท” คุณพรทิพย์เล่าด้วยรอยยิ้มแห่งความภูมิใจ สมกับชื่อภูมิใจ การ์เด้นซึ่งไม่ได้มีแค่ลิ้นจี่ แต่เขียวขจีด้วยพืชนานาพรรณ รวมแล้วถึงราว 300 ชนิด ในพื้นที่ 7 ไร่
ไม่ได้มีไว้โชว์ แต่เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตชาวสวนที่ชวนรื่นรมย์อย่างยิ่ง แม้เจ้าตัวทำธุรกิจเป็นงานหลัก แต่เมื่อถึงเวลาพัก จะนุ่งผ้าถุงลงสวน ดูแลต้นไม้ เก็บผัก สมุนไพรและผลไม้ตามฤดูกาล ปรุงอาหารในครัวกลางสวน โพสต์ภาพและคลิปลงเฟซบุ๊กส่วนตัว จนเพื่อนๆรบเร้าขอเดินทางมาเยี่ยมชมและชิมถึงที่ และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของการจัดทริปท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

ล่องเรือ กินก๋วยเตี๋ยว เที่ยวท้องร่อง เปิดมุมมอง ‘วิถีชาวสวน’
เสียงเรือเล็กเข้าจอดเทียบท่าที่สวนภูมิใจ การ์เด้น แต่เช้าพร้อมบรรทุกคนเต็มลำเรือ ฝ่ายหญิงพร้อมใจสวมใส่ชุดสวยงามตามแนวคิด ‘นุ่งซิ่นก็สวยได้’ เพื่อแปลงกายเป็นชาวสวน 1 วันเต็ม เรือที่ว่านี้ล่องมาจากท่าน้ำวัดบางขุนเทียนกลาง ผ่านบ้านเรือนสองฝั่งที่หันหน้าสู่ คลองตรง หรือที่ทางการเรียกขานในปัจจุบันว่าคลองบางขุนเทียน
คุณพรทิพย์ ที่ง่วนอยู่ในครัว ออกมาต้อนรับพร้อมเสริ์ฟมื้อแรกรองท้องแขกเหรื่อด้วย ก๋วยเตี๋ยวเรือ แท้ๆ ทั้งลำ ไม่ใช่ก๋วยเตี๋ยวเรือที่ถูกยกขึ้นบกตามห้างสรรพสินค้า ผิวกรำแดด และท่วงท่าที่คล่องแคล่วในการปรุงและหยิบจับวัตถุดิบของชายวัยกว่า 60 ปีบ่งบอกประสบการณ์ยาวนานในอาชีพ
ลิ้มรสชาติแสนอร่อยในอาคารไม้โปร่งสบายที่สร้างจากวัสดุพื้นถิ่น ตั้งชื่อ ‘ศาลาภูมิใจ’ แล้วเลือกงอบกับตระกร้าเตรียมลุย


คุณพรทิพย์ เล่าถึงต้นไม้ชนิดต่างๆในสวน สอนการเก็บผลผลิตอย่างถูกวิธี แม้แต่พืชใกล้ตัวอย่างพริกขี้หนู ซึ่งต้องทะนุถนอม ค่อยๆประคองแล้วเด็ด อย่ากระชาก เพราะจะทำให้ต้นเสียหาย ดูเป็นเรื่องง่ายๆ ที่หลายคนไม่คุ้นเคย เพราะชินกับการซื้อหาจากตลาดหรือซุปเปอร์มาร์เกตติดแอร์เย็นฉ่ำ

ถ่ายรูปอย่างสนุกสนานในท้องร่อง กองฟืน เก็บกระถินรวมเป็นกำใหญ่ ชี้ชมดอกไม้ริมทาง บ้างก็สีสันสะดุดตา บ้างก็งดงามอ่อนหวานตามอย่างดอกไม้ไทยๆ แล้วเดินเท้าต่อไปยังอีกหนึ่งไฮไลต์ คือสวน ‘หนวดฤาษี’ ที่กลายเป็นจุดถ่ายภาพยอดฮิต ด้วยความสวยแปลกตา ยังมีชิงช้าห้อยโยงจากไม้ใหญ่ให้นั่งเล่นเพลินใจจนไม่น่าเชื่อว่าพื้นที่บริเวณนี้เคยเต็มไปด้วยขยะมูลฝอยที่ถูกนำมาทิ้งกลาดเกลื่อน เป็นจุดเสื่อมโทรมจนน่าใจหาย กระทั่งคุณพรทิพย์ตัดสินใจซื้อที่ดินดังกล่าว พลิกฟื้นรวมกับสวนเดิมของครอบครัว
เขยิบเข้าไปจากโซนหนวดฤาษี เป็นที่เก็บรักษา และดูแลพันธุ์ไม้ที่กำลังเติบโต รวมถึงเพาะปลูกสมุนไพร อาทิ เปลาะหอม มีหน่อใต้ดินคล้ายข่า และกระชาย ใช้ปรุงอาหารรสชาติน่าลิ้มลอง


สุขล้ำ อร่อยล้วน เวิร์คชอบ ‘สำรับชาวสวน’ สุดเพลิน
อีกหนึ่งกิจกรรมที่ต่อยอดมาจากการเยี่ยมชมสวนก็คือเวิร์คชอปปรุงอาหารสูตรโบร่ำโบราณตำรับ วัตถุดิบไม่ต้องหาจากแหล่งอื่นไกล ส่วนใหญ่ก็เก็บติดมือติดไม้มาจากในสวน รวมถึงวัตถุดิบท้องถิ่นในพื้นที่ใกล้เคียง อย่างปลาทู ของทะเลที่ในอดีตเคยมีแม่ค้าพายเรือนำมาขายถึงย่านนี้ เพราะเคยมีตลาดนัดทางน้ำ ก่อนเขยิบโยกย้ายไปทางวัดจอมทองหรือวัดราชโอรส รวมถึงตลาดน้ำที่เคยเฟื่องฟูสุดขีดก่อนร่วงโรยอย่างตลาดน้ำวัดไทร
ตัวอย่างเมนูเก๋ไก๋ ได้แก่ ปลาทูต้มกะทิสายบัว น้ำพริกมะอึก ที่สามารถเด็ดมะอึกสดๆสีเหลืองอร่ามจากขั้วหมาดๆ รับประทานคู่กับผักหนามดองแบบโฮมเมดที่ภูมิใจ การ์เด้นปลูกเอง ดองเอง แกงส้มมะละกอ ปลิดผลจากต้นริมคลอง เติมปลาสลิดทอดเพิ่มความพิเศษ พริกกะเกลือ ทำจากมะพร้าวขูดคั่วหอม คลุกข้าวสวยร้อนๆ ข้าวมันส้มตำ ตำรับไม่ซ้ำใคร

“ข้าวมันส้มตำของชาวสวนแถบนี้ใส่กล้วยดิบกับลูกยอด้วย คุณทวดบอกว่า แก้ท้องอืด จุกเสียดท้อง” คุณพรทิพย์เล่า

ดูทุกอย่างที่ดำเนินไปช่างราบรื่น ถามว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคบ้างหรือไม่ ?
เจ้าตัวบอกว่า เพิ่งโดนขโมยตัดสายไฟหลายจุด และยังมีปัญหาการช็อตปลาในคลอง ทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทางในย่านชุมชน ซึ่งต้องพยายามปลูกจิตสำนึกความรักในท้องถิ่นรวมถึงมรดกที่บรรพบุรุษสั่งสมและส่งต่อ
ที่น่าห่วงคือ กลุ่มคนที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ อาจยังไม่เข้าใจความรู้สึกร่วมเหล่านี้
กรุงเทพฯ ไม่ใช่เพียงมหานครที่ไม่เคยหลับ แต่ยังเป็นเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย ผสมผสานระหว่างความล้ำสมัยพร้อมก้าวสู่อนาคต และรากเหง้าจากบรรพชนที่สะท้อนผ่านวิถีชีวิตดั้งเดิม หล่อหลอมเป็นจิตวิญาณของผู้คนจนถึงทุกวันนี้
ภูมิใจ การ์เด้น แขวงจอมทอง เขตจอมทอง กรุงเทพฯ
ทางเรือ ล่องตามคลองบางขุนเทียน ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า คลองตรง
ทางรถยนต์ เข้าซอยพระราม 28 แยก 18 เกือบสุดซอย ทางเข้าสวนอยู่ขวามือ สังเกตป้ายมีสัญลักษณ์รูปชาวสวนสวมงอบ
ติดต่อชมสวนล่วงหน้า-สอบถามรายละเอียด โทร. 081 733 9812 เฟซบุ๊ก Poomjai Garden (คลิกที่นี่)