นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการหารือของคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Council) ครั้งที่ 15 เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน (อาเซียน ซัมมิท) ครั้งที่ 31 ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ว่า เป็นการหารือครั้งแรกในรอบ 2 ปี หลังจากการก่อตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) เมื่อปลายปี 2558 โดยได้หารือความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2568 (AEC Blueprint 2025) ที่ประชุมได้รับรองแผนงานรายสาขาครบถ้วนแล้วทั้ง 23 แผนงาน
นางอภิรดีกล่าวว่า โดย 3 แผนงานสุดท้ายที่ได้รับรอง จาก 23 แผนงาน คือ 1.แผนปฏิบัติการเชิงยุทธศาสตร์ด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า มีเป้าหมายลดต้นทุนธุรกรรมทางการค้าลง10% ภายในปี 2563 และเพิ่มมูลค่าการค้าภายในภูมิภาคเป็น 2 เท่า ภายในปี 2568 2. แผนการดำเนินการด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน เพื่อส่งเสริมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ภายในภูมิภาค และ 3.แผนปฏิบัติการเชิงยุทธศาสตร์ด้านภาษีอากร ซึ่งเป็นแนวทางการดำเนินการด้านภาษีอากร เช่น การสนับสนุนการดำเนินการเพื่อจัดทำความตกลงอนุสัญญาภาษีซ้อนให้แล้วเสร็จ การขยายขอบเขตโครงสร้างภาษีหัก ณ ที่จ่าย การปรับปรุงการปฏิบัติงานในการแลกเปลี่ยนข้อมูลให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ซึ่งแผนงานดังกล่าวเป็นแผนงานที่จะดำเนินการนับจากนี้จนถึงปี 2568
นางอภิรดี กล่าวอีกว่า ที่ประชุมครั้งนี้ยังได้รับรองปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยนวัตกรรม ซึ่งแสดงถึงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียนในการใช้นวัตกรรมเป็นปัจจัยขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโต และการแข่งขันของอุตสาหกรรมระดับภูมิภาค โดยเอกสารดังกล่าวจะเสนอต่อผู้นำอาเซียนให้ความเห็นชอบภายในการประชุมผู้นำอาเซียนในครั้งนี้ นอกจากนี้ที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบรายงานของ AEC Council ต่อผู้นำอาเซียน ซึ่งมีข้อเสนอให้ผู้นำอาเซียนพิจารณา เช่น การให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันระหว่างองค์กรรายสาขา และเสาหลักของประชาคมอาเซียน การให้ประเทศสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) แสดงความยืดหยุ่นและปรับระดับความคาดหวัง เพื่อให้การเจรจา RCEPบรรลุผล
