บางเชือกหนัง, บางจาก (ในคลองบางหลวง) กรุงเทพฯ เก่าสุด ก่อนเมืองบางกอก

กรุงเทพฯ พื้นที่หัวแหวนเก่าแก่สุด ก่อน พ.ศ. 2000 (ราวยุคต้นอยุธยา) เป็นชุมชนระดับเมือง อยู่บริเวณต่อเนื่อง (3 บาง) ตั้งแต่บางระมาด, บางเชือกหนัง, บางจาก

มีหมู่บ้านและวัดวาอารามกระจายทั้งสองฝั่งคลองบางกอกน้อย-คลองชักพระ-คลองบางกอกใหญ่ ซึ่งเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาสายเดิม มีแนวไหลคดโค้งรูปเกือกม้า

ชุมชนเมืองดั้งเดิมย่านนี้ น่าเชื่อว่าเป็นตลาดชุมทางแม่น้ำลำคลองก่อนเดินทางนั่งเรือทวนน้ำขึ้นไปศูนย์กลางอำนาจกรุงศรีอยุธยาที่พระนครศรีอยุธยา [ทำนองเดียวกับชุมทางที่เมืองบางกอก (วังเดิม) จะมีในช่วงเวลาต่อไปข้างหน้า]

เพราะมีคลองสาขาหลายสาย เช่น คลองด่าน, คลองบางจาก, คลองบางเชือกหนัง, คลองบางพรม, คลองบางระมาด เป็นต้น แยกไปเชื่อมชุมชนถึงแม่น้ำท่าจีนและพื้นที่ต่อเนื่องทางทิศตะวันตกและตะวันตกเฉียงใต้

Advertisement

ขณะนั้นยังไม่มีเมืองบางกอก (วังเดิม) เพราะยังไม่ขุดแม่น้ำเจ้าพระยาสายใหม่ (ที่สืบถึงปัจจุบัน) ไหลผ่านตั้งแต่โรงพยาบาลศิริราช (ปากคลองบางกอกน้อย) ถึงพระราชวังเดิม (ปากคลองบางกอกใหญ่)

ดังนั้น พื้นที่ฝั่งศิริราชกับฝั่งท่าพระจันทร์ เป็นแผ่นดินเรือกสวนผืนเดียวกัน โดยยังไม่แยกเป็นฝั่งธนบุรีกับฝั่งกรุงเทพฯ


Advertisement

ชุมชนดั้งเดิม ก่อนเมืองบางกอก

หลักฐานแสดงความเก่าแก่ของชุมชนดั้งเดิม (ก่อนเมืองบางกอก) บริเวณบางระมาด, บางเชือกหนัง, บางจาก มีทั้งวรรณกรรม คือ กำสรวลสมุทร และศิลปกรรม คือ พระพุทธรูป

ครูบาอาจารย์นักปราชญ์หลายท่านศึกษาค้นคว้าและมีคำอธิบายไว้ก่อนนานมาแล้ว ได้แก่ ม.จ. จันทร์จิรายุ รัชนี (พ. ณ ประมวลมารค), มานิต วัลลิโภดม, น. ณ ปากน้ำ, ศรีศักร วัลลิโภดม ฯลฯ ผมเรียนรู้เรื่องราวจากเอกสารเหล่านั้น แล้วสรุปมาดังนี้

1. กำสรวลสมุทร

หนังสือกำสรวลสมุทรเป็นหนังสือพระราชนิพนธ์ของเจ้านายยุคต้นอยุธยา เมื่อเรือน พ.ศ. 2000 แต่งด้วยโคลงดั้น

[แต่เคยเข้าใจผิดว่าแต่งโดยกวีสามัญชนชื่อศรีปราชญ์ จึงพากันเรียกผิดว่า กำสรวลศรีปราชญ์]

เนื้อหาหลักเป็นบทสั่งเสียสั่งลาคนรัก แล้วพาดพิงชื่อบ้านนามเมืองที่นั่งเรือผ่านลงไปตามแม่น้ำตั้งแต่อยุธยาออกอ่าวไทย เมื่อผ่านโค้งเกือกม้าของแม่น้ำสายเดิม ได้พรรณนาถึงบางระมาด, บางเชือกหนัง, บางจาก (ก่อนนั่งเรือเลี้ยวขวาไปทางคลองด่าน)

บางระมาด หมายถึง บางแรด เป็นหลักแหล่งของแรด (ระมาด เป็นภาษาเขมร แปลว่า แรด) แต่อาจมีความหมายอื่นที่ยังไม่รู้ก็ได้

บางเชือกหนัง กลายคำจากภาษาเขมรว่า บางฉนัง หมายถึง บางหม้อ หรือบางปั้นหม้อ (ฉนัง เป็นภาษาเขมร แปลว่า หม้อ ปั้นด้วยดินเหนียวแล้วเผาไฟให้สุกแกร่ง)

บางจาก หมายถึง บริเวณมีป่าจาก (ใบจากใช้มุงหลังคาเรือน, ห่อขนม, มวนยาสูบ ฯลฯ มีผลกินได้ เรียก ลูกจาก)

กำสรวลสมุทร ให้ความสำคัญอย่างยิ่งบริเวณที่เรียก บางเชือกหนัง ต่อเนื่องยาวถึงบางจาก จึงพรรณนาด้วยโคลงดั้นต่อเนื่อง 3 บท เน้นมีของขาย ได้แก่ ขนม, มะพร้าว, หมากสุก

“ขนมทิพย์” หมายถึงขนมอร่อยๆ มีหลายอย่าง (แต่ไม่รู้มีอะไรบ้าง?) ชาวบ้านทำใส่หม้อแล้ววางขาย

“หมากสุก” สดๆ ใหม่ๆ ปลิดจากทะลายหมากสดๆ ใหม่ๆ แล้วแม่ค้าใช้มือบิดปลิดลูกหมากเอาออกขายเดี๋ยวนั้น

[ในโคลงดั้นบทนี้ใช้คำว่า “ล้าวล้าว” หมายถึง กิริยารวบเข้าด้วยกัน แล้วดึงหรือถอน เป็นคำยังตกค้างในลาวและอีสาน]

 

พระพุทธรูปสำริด ปางสมาธิ ฝีมือช่างยุคต้นอยุธยา เคยเป็นพระประธานวัดคูหาสวรรค์ (วัดศาลาสี่หน้า) ริมคลองบางกอกใหญ่ แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ หลักฐานแสดงว่าบริเวณนี้เป็นชุมชนระดับเมืองตั้งแต่ยุคต้นอยุธยา จึงมีช่างใช้เทคโนโลยีสูงหล่อสำริดขนาดใหญ่ ครั้นถึงสมัย ร.1 โปรดให้อัญเชิญเป็นพระประธานในโบสถ์วัดพระเชตุพน วัดโพธิ์ (ท่าเตียน) จนปัจจุบัน


2. พระพุทธรูป

พระพุทธรูปทองสำริด เรือน พ.ศ. 2000 (ตรงกับยุคต้นอยุธยา) เดิมเป็นพระพุทธรูปประธานในโบสถ์วัดคูหาสวรรค์ (วัดศาลาสี่หน้า) คลองบางกอกใหญ่

[ร.1 โปรดให้เชิญไปเป็นพระประธานในโบสถ์วัดพระเชตุพน (วัดโพธิ์ท่าเตียน) ตราบจนทุกวันนี้]

เป็นหลักฐานว่าชุมชนนี้ตั้งแต่ยุคต้นอยุธยา ผู้มีอำนาจระดับเจ้าเมือง เป็นผู้มีทรัพย์มั่งคั่ง และมีบริวารบ่าวไพร่คับคั่ง จึงมีผู้รู้เทคโนโลยีขั้นสูงสามารถหล่อทองสำริดเป็นพระพุทธรูปใหญ่ได้งามสมบูรณ์ยิ่ง

นอกจากนั้นยังพบพระพุทธรูปหินทราย ลักษณะศิลปกรรมแบบยุคต้นอยุธยา มีเกลื่อนกลาดทั่วไปในวัดที่ยังสืบเนื่องและวัดร้างทั่วย่านนี้

[มีในงานวิจัยของ ประภัสสร์ ชูวิเชียร (คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร) เรื่อง “หลักฐานศิลปกรรมอยุธยาที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล” พ.ศ. 2557]

เครือข่ายร่วมยุค

เมืองปรางค์หลวง คลองอ้อม นนทบุรี (แม่น้ำเจ้าพระยาสายเดิม) เป็นชุมชนเมืองเครือข่ายร่วมสมัยอีกแห่งหนึ่งใกล้เคียงกรุงเทพฯ เก่าสุด (3 บาง) เรือน พ.ศ. 2000 มีการติดต่อเกี่ยวข้องโดยมีเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงถึงกันสะดวก เพราะเป็นแม่น้ำเดิมสายเดียวกัน

เมืองปรางค์หลวง มีศูนย์กลางชุมชนเมืองอยู่วัดปรางค์หลวง ริมคลองอ้อม อ. บางใหญ่ จ. นนทบุรี

เมืองบางกอกมีสมัยหลัง

เมืองบางกอก อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (สายใหม่) มีขึ้นจากขุดคลองลัดบางจาก เมื่อเรือน พ.ศ. 2100 ทำให้น้ำไหลตรงลงคลองลัดจนขยายกลายเป็นแม่น้ำ (ปัจจุบันตั้งแต่ ศิริราชถึงพระราชวังเดิม)

คลองลัดบางกอก หมายถึง บริเวณขุดคลองลัดที่แต่เดิมเรียกบางมะกอก มีคลองบางมะกอกหนาแน่นด้วยต้นมะกอกน้ำ ปากคลองอยู่บริเวณวัดมะกอก (ปัจจุบันคือวัดแจ้ง หรือวัดอรุณราชวราราม) แต่ภายหลังกร่อนเหลือบางกอก (ชาวยุโรปเรียก Bangkok) โดยไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยาสายเดิมตรงโค้งบางหลวง (ปัจจุบันเป็นปากคลองบางกอกใหญ่)

นับแต่นั้น เมืองบางกอกทวีความสำคัญขึ้นแทนชุมชนย่านเมืองบางเชือกหนัง-บางจาก ขณะเดียวกันแม่น้ำสายเดิมก็ลดบทบาท แล้วค่อยๆ แคบกลายเป็นคลอง เรียกต่อมาว่า คลองบางกอกน้อย-คลองชักพระ-คลองบางกอกใหญ่

แต่ชุมชนเมืองยังหนาแน่นที่บางเชือกหนัง-บางจาก และปริมณฑล เพราะเป็นถิ่นฐานของคนดั้งเดิม และเครือญาติเจ้านายสมัยหลังๆ ดังเห็นจากมีการบูรณปฏิสังขณ์วัดวาอารามในคลองเหล่านั้นสืบเนื่องมาจนถึงกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์

[ก่อนหน้านี้เคยเขียนบอกเล่าความเป็นมาต่างๆ เกี่ยวกับกรุงเทพฯ และบางกอก แต่พบหลักฐานเพิ่มมาสมัยหลังจึงรู้ว่ามีข้อขาดตกบกพร่อง ผมขอยกเลิกของเก่า แล้วเรียบเรียงขึ้นใหม่จนกว่าจะพบข้อมูลใหม่กว่านี้ก็ต้องเปลี่ยนแปลงอีก]

แผนที่กรุงเทพฯ แสดงแม่น้ำเจ้าพระยาสายใหม่และสายเดิม (คลองบางกอกน้อย-คลองชักพระ-คลองบางกอกใหญ่)

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image