เงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 3 ปี หุ้นไทยทะยานเหนือ 1,800 จุด สูงสุดเป็นประวัติการณ์ !!

แฟ้มภาพ

“เงินบาทแข็งค่าสุดในรอบกว่า 3 ปี ขณะที่ ดัชนีตลาดหุ้นไทยทะยานเหนือ 1,800 จุด สูงสุดเป็นประวัติการณ์”

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่าเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 3 ปีที่ 32.16 บาทต่อดอลลาร์ฯ ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ เมื่อเทียบกับเงินหลายสกุล ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาทิ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน รวมถึงรายงานดัชนี PMI ของสหรัฐฯ ยูโรโซนและจีนที่ออกมาค่อนข้างดี หนุนการปรับตัวขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยง สกุลเงินในเอเชีย และค่าเงินบาท นอกจากนี้ สถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ (37.5 พันล้านบาทในระหว่างสัปดาห์) ก็เป็นปัจจัยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทด้วยเช่นกัน

สำหรับในวันศุกร์ (5 ม.ค. 61) เงินบาทอยู่ที่ 32.21 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 32.58 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (29 ธ.ค. 60)

Advertisement

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (8-12 ม.ค. 2561) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.00-32.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยอาจต้องจับตาการตอบรับของตลาดต่อตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญอื่นๆ ระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต และยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. 2560 นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดเพื่อประเมินสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจเดือนธ.ค. ของจีนด้วยเช่นกัน

ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย ดัชนีตลาดหุ้นไทยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,803.93 ก่อนจะปิดปลายสัปดาห์ที่ระดับ 1,795.45 เพิ่มขึ้น 2.38% จากสัปดาห์ก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นประมาณ 74.52% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 88,049.46 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ปิดที่ 537.46 จุด ลดลง 0.54% จากสัปดาห์ก่อน

Advertisement

ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่า จะมีแรงขายทำกำไรในหุ้นขนาดใหญ่ออกมาบ้างในช่วงปลายสัปดาห์ โดยดัชนี SET ได้รับแรงหนุนทั้งจากการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ตลอดจนภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ออกมาในทิศทางที่ดี ประกอบกับการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ฯ และแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (8-12 ม.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,785 และ 1,775 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,810 และ 1,830 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ แรงขายกองทุน LTF ที่ถือครองครบ 5 ปีปฏิทิน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตและผู้บริโภค และยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ รายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax ของอังกฤษ และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนธ.ค.ของจีน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image