นักการเมือง : ควรมีความสัตย์หรือไม่…โดย เฉลิมพล พลมุข

สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์หรือคนจำเป็นจะต้องมีผู้นำกลุ่มคน คณะหรือองค์กรประเทศชาติเพื่อที่จะนำพาสิ่งเหล่านั้นให้เป็นไปถึงจุดหมายเป้าหมายตามที่ผู้นำหรือสมาชิกประชาชนในชาติๆ นั้นได้ตั้งความปรารถนาเอาไว้ ความเจริญรุ่งเรือง ความมีชื่อเสียงหรือแบบอย่างที่พึงประสงค์ของประเทศชาติย่อมที่จะมาจากผู้นำที่ยากต่อการปฏิเสธ

สังคมโลกและสังคมไทยเราทุกวันนี้ถูกนำหรือกำหนดนโยบายโดยผู้นำที่เรียกว่า นักการเมือง เขาคือผู้ที่ได้ถูกเลือกหรือได้รับโอกาสในชีวิตจากประชาชนเพื่อไปกำหนดโชคชะตาชีวิตของผู้คน หรือเข้าไปทำหน้าที่ในการบริหารจัดการในแต่ละภาคส่วนแทนประชาชนโดยเริ่มตั้งแต่หมู่บ้าน ตำบลอำเภอจังหวัดไปจนกระทั่งถึงระดับประเทศโดยเริ่มจากตำแหน่งนายก อบต. ไปจนถึงรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งสูงสุดของผู้ที่ต้องการอำนาจ

ประเทศต่างๆ ทั่วโลกครั้งอดีตที่ผ่านมามีรูปแบบการปกครองหรือถูกกำหนดโดยพระมหากษัตริย์ เมื่อกาลเวลาผ่านมาหลายประเทศเปลี่ยนแปลงการปกครองไปสู่การมีตำแหน่งประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรีที่ถูกเลือกหรือมีการเลือกตั้งจากประชาชนเข้าไปบริหารประเทศ ขณะเดียวกันก็ยังมีระบบการปกครองโดยพระมหากษัตริย์ยังคงเหลืออยู่เพียงไม่กี่ประเทศในโลกของเรา

ประเทศสยามหรือเมืองไทยเราเมื่อครั้งอดีตมีรูปแบบการปกครองโดยเฉพาะอย่างยิ่งสมัยสุโขทัยก็คือ การปกครองแบบพ่อปกครองลูก เมื่อมาถึงสมัยโยเดียหรืออยุธยาช่วงสี่ร้อยสิบเจ็ดปีมีการปกครองโดยพระมหากษัตริย์ มีศึกสงครามที่มีการสู้รบฆ่าฟันเพื่อแก่งแย่งอำนาจ ศักดิ์ศรีผลประโยชน์ทั้งภายในกันเองขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญกับศึกภายนอกทั้งพม่าและชนรอบข้างจนไปถึงการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง…

Advertisement

หากใครได้มีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียนในอุดมศึกษาโดยเฉพาะการเมืองการปกครอง รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์หรือสาขาอื่นที่เกี่ยวข้องเราท่านจะได้พบถึงนักปรัชญาหรือปราชญ์ของประเทศนั้นๆ ที่ได้ถูกบันทึกไว้ในตำราทางประวัติศาสตร์เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษาเพื่อที่จะได้ใช้เป็นแนวทางในการบริหารประเทศในระบอบที่ต้องการ สำหรับ อับราฮัม ลินคอล์น (Abraham Lincoln) อดีตประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกาที่ได้กล่าววาจาที่ว่า การปกครองในระบอบประชาธิปไตยหมายถึง การปกครองโดยประชาชน ของประชาชน เพื่อประชาชน…

สังคมจีนซึ่งเป็นประเทศที่กว้างใหญ่และมีประชากรที่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในอดีตก็มีการปกครองด้วยระบบกษัตริย์หรือจักรพรรดิมีการสู้รบฆ่าฟันแก่งแย่งอำนาจผลประโยชน์สมัยหนึ่งที่เราท่านรู้จักดีก็คือสมัยสามก๊ก มีศึกสงครามมากกว่าหนึ่งร้อยปี อาทิ ศึกโจรโพกผ้าเหลือง ศึกกัวต๋อ ศึกทุ่งพกบ๋อง โดยเฉพาะศึกผาแดงหรือศึกเซ็กเพ็กเป็นศึกสงครามระหว่างโจโฉ เล่าปี่และซุนกวน จนกระทั่งถึงราชวงศ์ชิงซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้ายของระบอบการปกครองจนกระทั่งมาถึงประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่เป็นผู้นำสูงสุดของสาธารณรัฐประชาชนจีน ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ประธานคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลาง อธิการบดีโรงเรียนพรรคกลาง…

ขงจื๊อ (Confucius) เป็นนักคิดและนักปรัชญาจีนคนหนึ่งซึ่งมีหลักการสำคัญอาทิ ความเมตตากรุณา ความกตัญญู ขนบจารีตและประเพณี ความยุติธรรมและความซื่อสัตย์ การเมืองในอุดมคติของขงจื๊อก็คือ “การปกครองประเทศให้มีความสงบสุข ทุกคนเปรียบเสมือนบุคคลในครอบครัว…”

นอกจากนั้นขงจื๊อมีข้อคิดต่อนักการเมืองที่สำคัญคือ “นักการเมืองจำเป็นต้องฝึกฝนตนทางด้านคุณธรรม ต้องมีพฤติกรรมเที่ยงตรง ยืนหยัดในหลักการ เลือกบุคคลผู้มีคุณธรรมที่มีความพร้อมด้วยสติปัญญา มีความสามารถและทักษะชีวิตที่ดี ขยันและมีจิตใจที่ซื่อสัตย์สุจริต…”

เมืองไทยเรามีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยซึ่งประกาศในรัชกาลปัจจุบันมาตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2560 ซึ่งมีจำนวน 279 มาตรา ในบทนำได้กล่าวถึงปัญหาของประเทศชาติทั้งการปกครอง ข้อขัดแย้ง วิกฤตทางรัฐธรรมนูญ การไม่นับถือยำเกรงกฎเกณฑ์การปกครองบ้านเมือง ทุจริตฉ้อฉล บิดเบือนอำนาจ ขาดความตระหนักสำนึกรับผิดชอบต่อประเทศชาติและประชาชน การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นผล โดยมีทางออกหรือแบบแผนที่เหมาะสมกับสังคมไทยก็คือ ลดเงื่อนไขความขัดแย้งบนพื้นฐานขอความรู้รักสามัคคีปรองดองจากประชาชนทุกภาคส่วน ตามแนวทางประชารัฐ ทั้งหลักการของความสุจริตเที่ยงธรรม หลักสิทธิมนุษยชน หลักธรรมาภิบาล เพื่อขับเคลื่อนประเทศชาติไปให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

สังคมไทยเราได้มีรัฐธรรมนูญในการปกครองประเทศมาตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามมาตั้งแต่ พ.ศ.2475 เป็นต้นมา พระองค์ท่านได้มีพระราชดำรัสที่ว่า “ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิขาดและโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร…”

นักการเมืองของไทยเราในอดีตที่ผ่านหลายคนได้สร้างคุณูปการหรือสร้างประโยชน์เพื่อการพัฒนาทั้งระบบเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา การศึกษาให้แก่ชาติบ้านเมืองไว้แก่ชนรุ่นหลังได้กล่าวถึง ขณะเดียวกันก็มีนักการเมืองไทยบางคนที่ได้สร้างความเสียหายให้แก่ชาติบ้านเมืองด้วยเช่นกัน มีบางคำถามสำหรับเราท่านทั้งหลายที่ว่า ประชาธิปไตยแบบไทยๆ ควรเป็นเช่นไรและเราท่านสามารถสัมผัสจับต้องพบเห็นได้จริงๆ ในยามที่เรามีลมหายใจอยู่หรือไม่…

ในสมัยของ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีคนที่ 13 ของเมืองไทยเราซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคกิจสังคมที่มีผู้สนับสนุนเพียง 18 คน จากพรรคระดับเล็กจำนวน 22 พรรคการเมืองให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีนโยบายสำคัญก็คือ “เงินผัน” โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ สร้างงานในชนบทหรือว่าเป็นคนแรกในโครงการประชานิยมที่นักการเมืองรุ่นหลังได้สืบทอดโครงการดังกล่าวมา นอกจากนั้น ยังมีผลงานของหนังสือที่ตกทอดมาถึงทุกวันนี้ อาทิ สี่แผ่นดิน ไผ่แดง กาเหว่าที่บางเพลง หลายชีวิต ซูสีไทเฮา สามก๊กฉบับนายทุน และเรื่องสั้น “มอม”

ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่ได้ไปเปิดสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณรัฐประชาชนจีนในสมัยของประธานาธิบดีเหมา เจ๋อ ตุง ตัวเขาเองก็ได้รับฉายจากนักการเมืองและสื่อมวลชนที่ว่า เฒ่าสารพัดพิษ ซือแป๋ซอยสวนพลู หรือแม้กระทั่งเสาหลักประชาธิปไตย…

รัฐประหารวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 หรือเรียกว่าเหตุการณ์ รสช.โดยพลเอกสุนทร คงสมพงษ์ ซึ่งเป็นหัวหน้า (คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ) ได้ทำการยึดอำนาจจากพลเอกชาติชาย ชุณหะวัน นายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ด้วยเหตุผลของการฉ้อราษฎร์บังหลวง อาศัยอำนาจทางการเมืองแสวงหาผลประโยชน์แก่ตนเองพรรคพวกอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน แสวงหาเงินเพื่อสร้างฐานะความร่ำรวยเป็นฐานอำนาจทางการเมือง นักการเมืองใช้อำนาจข่มเหงราชการประจำผู้ซื่อสัตย์สุจริตและรัฐบาลเป็นเผด็จการทางรัฐสภา หรือมีคำเรียกคณะรัฐมนตรีขณะนั้นที่ว่า “บุฟเฟต์ คาบิเน็ต” ก็คือการเข้ามาเพื่อแย่งกันกิน ซึ่งต่อมาก็มีการยึดอายัดทรัพย์ที่แสดงว่ามีทรัพย์สินร่ำรวยผิดปกติ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เขาได้กล่าววาทะบ่อยครั้งก็คือ No Problem หรือไม่มีปัญหา จนกระทั่งแอ๊ด คาราบาว นำมาแต่งเพลงล้อเลียนการเมือง…

ก่อนการรัฐประหาร วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557 ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สังคมไทยเรามีความขัดแย้งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมคนไทยส่วนหนึ่งมีการแบ่งสี ขั้ว ฝ่าย ทั้งของนักการเมือง พระสงฆ์และประชาชน มีการประท้วงกันทั้งขว้างปาระเบิด วางเพลิง การยิงทำร้ายกันจนกระทั่งถึงแก่ชีวิตทั้งประชาชนที่บริสุทธิ์รวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ต้องออกปฏิบัติงานตามหน้าที่ ระบบเศรษฐกิจและชื่อเสียงของประเทศได้รับการกล่าวขวัญในอีกภาพลักษณ์หนึ่ง

มาวันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ได้ประกาศตนต่อหน้าสื่อทุกประเภทที่ว่า “ตนเองเป็นนักการเมืองที่เคยเป็นทหาร” ได้เคยพูดไว้ในหลายวาระเกี่ยวกับการคืนความสุขให้คนในชาติ มิได้มาเพื่อสกัดกั้นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่มาเพื่อปฏิรูปประเทศ สร้างความรัก ความปรองดอง ความสามัคคีของคนในชาติให้กลับคืนมา ไม่ได้มาเพื่อสกัดกั้นล้มล้างระบอบทักษิณ…

เมืองไทยเราในวันนี้มีความสงบร่มเย็นในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ยังมีอีกหลากหลายสภาพปัญหาในเชิงประจักษ์ที่รัฐจำต้องแก้ไขทั้งระยะสั้นระยะยาว อาทิ คนจนที่มีการลงทะเบียนกันทั่วประเทศกว่า 14.1 ล้านคน เด็กเล็กๆ ที่ยากจน กำพร้าขาดโอกาสทางการศึกษายังมีอยู่จำนวนมาก คนไทยส่วนหนึ่งจบการศึกษาจากภาคบังคับแล้วตกงาน หรือหางานทำไม่ได้มีอยู่อีกไม่น้อย ผู้ป่วยหรือคนไข้ที่ล้นโรงพยาบาลของรัฐจนกระทั่งศิลปิน นักร้องต้องวิ่งคนละก้าวเพื่อระดมทุนสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์…

ข้อเท็จจริงหนึ่งที่เราท่านรับทราบกันในสังคมไทยเป็นอย่างดีนั่นก็คือ ความคิด ความเชื่อ ความรู้ของนักการเมืองบางคนในอดีตที่ต้องสูญเสียอำนาจ ผลประโยชน์ ตระกูลญาติพี่น้องส่วนหนึ่งที่ต้องหลบหนีคดีในต่างประเทศ ยังคงยืนหยัดถึงอุดมการณ์ แนวคิดทางการเมืองที่มีความเป็นอยู่สมัยหนึ่ง ความขัดแย้งทั้งในเรื่องความคิด ความเชื่อทางการเมืองในสังคมไทยเรายังคงมีอยู่ทั้งการแสดงออกรายวันและในระดับคลื่นใต้น้ำ ใครหรือผู้มีอำนาจใดที่จะเข้าไปปรองดองเพื่อให้ประเทศชาติได้เดินหน้าได้อย่างแท้จริง…

เราท่านในฐานะประชาชนชาวไทยก็ต้องไปใช้สิทธิใช้เสียงในการลงคะแนนเพื่อให้ได้มาซึ่งผู้แทนของประชาชนเข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร หลายคนอาจจะตั้งข้อสงสัยที่ว่า วันหนึ่งจะมีการเลือกตั้งจะมีการซื้อสิทธิขายเสียง มีคืนหมาหอน เราท่านจะได้นักการเมืองหรือผู้แทนของประชาชน รัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีที่ตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติเป็นอุดมการณ์หลัก มีทั้งความซื่อสัตย์ สุจริต ไปทำงานการเมืองเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง หรือแม้กระทั่งนำความเป็นผู้นำของความเป็นประชาธิปไตยไทยมาสู่ประเทศเราท่านจะได้พบเห็นหรือไม่

ผู้เขียนใคร่ขอนำพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ท่านได้พระราชทานให้แก่คณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐานเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2529 ที่ว่า “รัฐบาลนั้นเป็นสถาบันหนึ่งในสถาบันสำคัญของประเทศ จึงต้องปฏิบัติหน้าที่โดยถือว่าชาติบ้านเมืองเป็นหมายสำคัญ และความอยู่ดีกินดีของประชาชนเป็นสิ่งที่ปรารถนา ด้วยการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจจริง ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและขยันหมั่นเพียร”

เฉลิมพล พลมุข

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image