…เป็นอันว่าจบ “รักผมก็ต้องรักรองนายกฯของผมด้วย ถ้าทำผิดพลาดอะไร ผมขออภัย” ใครที่แอบตั้งความหวังไว้ลึกๆ ว่าวิกฤตสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คิดแบบ “นิ้วไหนร้ายตัดนิ้วนั้นทิ้ง” จัดการให้ “พี่ป้อม” พ้นไปจาก “ครม.น้องตู่” เลิกคิดได้ ชัดเจนแล้วว่า “บูรพาพยัคฆ์” หนักแน่นดั่งสายเลือดเดียว ไม่ใช่แค่ “มาด้วยกัน ไปด้วยกัน” แต่ต่างเห็น “หัวใจของกันและกัน” ไม่มีทางที่จะแยกจาก
…ความพร้อมเผชิญกับเหตุเฉพาะหน้าแบบ “ไร้กระบวนท่า” ขอให้ควบคุมสถานการณ์ได้เป็นพอ “ไม่สนว่าหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น” เป็น “จุดแข็ง” ของ “บิ๊กตู่” ที่ทำให้ผ่านวิกฤตได้เสมอ ยังหาใครที่มีความสามารถเอาตัวรอดอย่าง “ไม่รู้สึกเสียฟอร์มกับเรื่องอะไรทั้งสิ้น” แบบนี้ได้ ดังนั้นจะไม่ชอบใครบางคนในรัฐบาลแค่ไหน แต่ “กองหนุน” ทั้งหลาย น่าจะยังไม่มีทางเลือกที่ดีกว่า ดังนั้น “รักผม ต้องรักรอง
นายกฯของผมด้วย” จึงเป็น “ข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้” เพราะ “ผิดจากนั้นไม่ใช่บูรพาพยัคฆ์”
…ที่ชัดเจนอีกเรื่อง “อำนาจเข้มข้น” ที่ “คสช.” เปลี่ยนจากใช้ “กองทัพ” มาใช้ “ตำรวจ” นั้น แม้จะแก้ปัญหา “ความรุนแรงด้านสิทธิมนุษยชน” ได้แต่กลับกระทบหนักต่อ “ความเท่าเทียมกันของการบังคับใช้กฎหมาย” กระหึ่มด้วยคำถาม “กฎหมายสองมาตรฐาน” ที่สำคัญ “ผู้เคลื่อนไหวกล้าที่จะเผชิญหน้ากับอำนาจรัฐมากขึ้น” แถม “ทุกคำถาม” และ “การเผชิญหน้า” แทบจะหากระแสที่เอนเอียงไปข้างผู้ใช้อำนาจไม่ได้เลย
…ในโลกของกระแสกระตุ้นสำนึกดีงาม “ชีวิตเสือดำและสัตว์ป่าหายากที่ทุ่งใหญ่นเรศวร” นำ “ประธานบริษัทอิตาเลียนไทย-เปรมชัย กรรณสูต” มาเป็นเป้าถล่ม “เรื่องใหญ่ของคนใหญ่” ที่ “คนเล็กๆ รวมพลังกันกดดันเรียกหาความถูกต้องดีงาม” ย่อมยากอย่างยิ่งสำหรับการจัดการ “พลังอนุรักษ์ที่ผนึกเข้ากับพลังแห่งสำนึกดีงาม” จะทั้ง “แรง” กับ “กล้า” เผชิญหน้ากับทุกฝ่าย หากพลังเหล่านั้นเกิดความรู้สึกถึง “อำนาจที่เหนือกว่าของอภิสิทธิ์ชน”
…ท่ามกลางสถานการณ์ตั้งรับของ “รัฐบาล คสช.” เรื่อง “สำนึกจริยธรรมจากทุ่งใหญ่นเรศวร” หากได้รับเลือกมาใช้เพื่อ “พลิกสถานการณ์มาเป็นฝ่ายรุก” ย่อมมีโอกาสส่งผลในทางดีกับ “บิ๊กป้อม” ซึ่งมีที่เคลื่อนไหวในนาม “ผู้บริหารมูลนิธิรักป่า” อยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่จะกล้าเสี่ยงหรือไม่ ที่จะเผชิญหน้ากับ “ทุนใหญ่” ที่ใกล้ชิดระดับ “ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่” เรื่องดี จึงอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย
…สำหรับ “อิตาเลียนไทย” ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ประเทศที่ผู้คนเก็บกด ต้องการแสดงออกให้เห็น “ความดีกว่าเหนือกว่ามายาวนาน” อย่าว่าแต่กระแสทั่วไป แม้ “คนในชนชั้นเดียวกัน” หรือกระทั่ง “คนใกล้ชิด” ล้วนพร้อมจะใช้เรื่องราวนี้คลี่คลายอารมณ์ที่ถูกกดให้เก็บนั้น ผู้คนจะเรียงหน้ากันออกมา “ประกาศจิตสำนึกที่ดีงามของตัวเอง” โดยมี เปรมชัย กรรณสูต เป็นเครื่องมือ
…แต่หากคิดว่า “ล่าสังหารเสือดำ” จะทำให้เสียงเรียกร้องให้ “เร่งเลือกตั้ง” ขาดพลังลง น่าจะไม่เป็นเช่นนั้น ยิ่ง “อำนาจรัฐ” แสดงให้รู้สึกถึงความไม่จริงจังจริงใจที่จะเดินไปในทางเดียวกับ “นักอนุรักษ์สัตว์ป่าและพันธุ์พืช” เสียงเรียกหา “รัฐบาลที่ฟังเสียงประชาชน” จะยิ่งกระหึ่ม ขึ้นอยู่กับ “รัฐบาลจะบริหารกระแสให้ไปในทิศทางไหน”
ชโลทร
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่