นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า ธนาคารคาดว่าปี 2561 กลุ่มสินเชื่อจะขยายตัว 8-10% ปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจ(จีดีพี)ปีนี้คาดขยายตัวถึง 4% ต่อเนื่องจากปีนี้ทั้งสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ สินเชื่อรายย่อยในกลุ่มสินเชื่อบ้าน ขยายตัวได้ดี ส่วนสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) ยังขยายตัวไม่มากนัก แต่ปี 2561 เชื่อว่าการขยายตัวของสินเชื่อธนาคารจะกระจายตัวมากทุกกลุ่ม และธนาคารจะกลับมารุกขยายสินเชื่อเอสเอ็มอีมากขึ้น ตั้งเป้าหมายโตกว่า 10% หรือเพิ่มจากสินเชื่อคงค้างปัจจุบัน 90,000 ล้านบาท เป็นกว่า 100,000 ล้านบาท
ส่วนธุรกิจรายใหญ่จะเน้นตอบโจทย์ลูกค้าทั้งซัพพลายเชน เพื่อให้ลูกค้าและเครือข่ายคู่ค้าเติบโตไปทั้งระบบ และสินเชื่อรายย่อย นอกการผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว จะเน้นด้านการลงทุนและที่ปรึกษามากขึ้น เช่น กองทุน เป็นต้น เพื่อให้ลูกค้าได้รับผลตอบแทนดี
“ การเติบโตสินเชื่อปีนี้ เน้นโตด้วยเอสเอ็มอี ซึ่งช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไม่ดี สินเชื่อเอสเอ็มอีโตไม่มากกนัก ปีนี้มั่นใจที่จะบุก เพราะเศรษฐกิจดีขึ้น และธนาคารจะนำข้อมูลบิ๊กดาต้าผ่าน แอพพลิเคชั่นเอสเอ็มอีวันแบงก์ มาใช้ โดยเอสเอ็มอีที่เดินบัญชีผ่านเอสเอ็มอีวันแบงก์ ธนาคารจะเห็นข้อมูลและธุรกรรม สามารถนำมาวิเคราะห์และปล่อยสินเชื่อได้ ปัจจุบันเราได้ทดลองตลาดมาระยะหนึ่งแล้ว ” นายปิติ กล่าว
นายปิติ กล่าวว่า ขณะนี้แนวโน้มการเป็นหนี้เสียของเอสเอ็มอีลดลง สะท้อนจากยอดผิดค้างชำระหนี้ลดลง และจากหารือร่วมกับธนาคารพาณิชย์และธนาคารแห่งประเทศไทย เห็นสอดคล้องกันว่าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) ของเอสเอ็มอีผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แต่การลดลงของเอ็นพีแอลจะเป็นแบบค่อยๆไป เพราะบางธุรกิจปรับตัวไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัญหาในระบบการเงินอยู่ แต่น้อยลงมากแล้ว
ในส่วนของธนาคาร จะพัฒนาและส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งพัฒนาช่องทางธนาคารและมอบประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อเพื่อให้ลูกค้าทำธุรกรรมได้ง่ายใช้งานได้จริง ทั้งช่องทางดิจิทัลแบงก์กิ้งและช่องทางสาขา ปัจจุบันมีอยู่ 430 สาขา ปีนี้จะเปิดสาขาใหม่และปิดสาขาเดิม โดยรวมจำนวนสาขาจะลดลง แต่ช่องทางใหม่ๆเพิ่มขึ้ร เช่น แบงก์กิ้งเอเย่นต์ พร้อมกันนี้ จะมีการปรับโครงสร้างองค์กรในหลายส่วนเพื่อลดความซับซ้อนให้เป็นองค์กรแบบราบ จาก 6 ชั้นบังคับบัญชา เหลือ 5 ชั้น ซึ่งน้อยกว่าธนาคารทั่วไปอยู่ที่ 15 ชั้น เพราะธนาคารมุ่งหมายความคล่องตัวฉับไวและบริการให้ทันต่อความต้องการของลูกค้า
