นายพงษ์อนันต์ ธณัติไตร ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจลูกค้ารายย่อยและเครือข่ายการขาย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า แผนงานการขยายเครือขายสาขาของธนาคาร ไม่มีแผนที่จะลดจำนวนสาขา และธนาคารยังมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าได้ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันสาขาที่มีอยู่ 663 สาขา จะเปิดเพิ่มอีก อย่างไรก็ตาม อาจจะมีการปิดสาขาบางพื้นที่หรือย้ายทำเลใหม่โดยพิจารณาตามศักยภาพื้นที่ คาดว่าสิ้นปีจะมีจำนวนสาขา 685 สาขา ทั้งนี้ เร็ว ๆ นี้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะออกเกณฑ์ตัวแทนการให้บริการทางการเงินของธนาคารพาณิชย์(แบงก์กิ้งเอเจ้นท์) ใหม่ ซึ่งธนาคารอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลและรอเกณฑ์ออกมาก่อน เพราะต้องดูแลเรื่องการบริหารความเสี่ยงต่าง ๆ ซึ่งเหมือนกับที่ธนาคารทำอยู่และแบงก์กิ้งเอเจ้นท์ที่ธนาคารจะเลือกใช้ต้องมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ที่ ธปท. กำหนด เช่น ฐานะการเงินที่มั่นคง มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เป็นต้น
นายพงษ์อนันต์ กล่าวว่า ธุรกิจที่มีศักยภาพมีหลากหลายธุรกิจ เช่น ร้านสะดวกซื้อ ปั้มน้ำมัน หรือร้านที่มีสาขาจำนวนมาก อย่าง เครือข่ายและสาขาของค่ายโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น ส่วนพื้นที่ที่ให้บริการเอเจ้นท์แบงก์กิ้ง เป็นพื้นที่ที่ยังไม่มีการตั้งสาขาธนาคารและเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการทำธุรกิจได้ ด้านธุรกรรมที่แบงก์กิ้งเอเจ้นท์สามารถทำได้ อาทิ การฝาก ถอน โอน รับชำระเงิน เป็นต้น อย่างไรก็ตามธุรกรรมเหล่านี้ปัจจุบันสามารถทำได้ผ่านทั้งช่องทางดิจิทัลแบงก์กิ้งและผ่านเอทีเอ็มได้อยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันพบว่าการทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ธุรกรรมที่สาขาธนาคารที่เป็นสาขาที่ให้บริการ 7 วัน ธุรกรรมยังเพิ่มขึ้นเช่นกัน
“เกณฑ์ใหม่ของ ธปท.ที่จะออกมามีนโยบายเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประโยชน์ลูกค้า ขณะที่ธนาคารสามารถประกอบธุรกิจได้ง่ายขึ้นในอนาคตที่ธุรกิจธนาคารพาณิชย์มีการแข่งขันกันเองสูง และยังมีการแข่งขันจากธุรกิจอื่นเข้ามา อย่างไรก็ดี แบงก์กิ้งเอเจ้นท์ไม่ใช่เรื่องใหม่ ก่อนหน้านี้ ธนาคารได้มีการแต่งตั้งให้บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เป็นเอเจ้นท์แบงก์กิ้งอยู่แล้ว และจะมีการลงนามเพิ่มเติมกับ บุญเติม ของบริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) เพื่อขยายการให้บริการแบบเอเจ้นท์แบงก์กิ้งด้วย” นายพงษ์อนันต์ กล่าว
