นายกิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า แผนงานของธนาคารในระยะ 5 ปี (2560-2564) ตั้งเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นธนาคารขนาดกลาง โดยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองที่ประมาณ 12,000-15,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเรื่องที่มีความท้าทายเพราะปัจจุบันธาคารมีกำไรก่อนหักสำรองอยู่ที่ 2,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าธนาคารจะสามารถผลักดันกำไรมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองขึ้นมาที่ระดับ 8,000-10,000 ล้านบาทได้ จากการเติบโตของสินเชื่อทั้งสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อรายย่อย ธุรกิจบริการความมั่งคั่ง(เวลท์) เป็นต้น ทั้งนี้ มีแผนจะลดค่าใช้จ่ายการดำเนินงานให้ต่ำกว่า 50% เพิ่มอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อย คุณภาพของธนาคารจากปัจจุบันอยู่ที่ 93% เป็น 100%
“ปีที่ผ่านมาเป็นการปรับฐาน ปรับคุณภาพสินเชื่อ ปรับระบบการทำงาน เพื่อไปสู่เป้าหมายทำให้ธนาคารมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงและส่งผลต่อรายได้ชัดเจนตั้งแต่กลางปี 2562 เป็นต้นไป” นายกิตติพันธ์ กล่าว
นายกิตติพันธ์ กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ปี 2561 ธุรกิจธนาคารพาณิชย์จะเติบโตต่อเนื่อง จากอานิสงส์ของเศรษฐกิจที่กำลังกระเตื้องขึ้น โดยการส่งออกเติบโตตามความต้องการในตลาดโลก และมีการกระจายตัวในหลายอุตสาหกรรม บริษัทเริ่มกลับมาขยายกำลังการผลิต รวมทั้งการเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐและโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) ส่งผลให้เกิดการจ้างงานมากขึ้น เพิ่มกำลังซื้อ ทำให้มีเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบทำให้เศรษฐกิจพื้นตัวดีขึ้น ธนาคารคาดว่าสินเชื่อรวมจะเติบโต 5% ภายใต้ประมาณการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจ(จีดีพี) ปีนี้ที่ 4% ซึ่งปีนี้ธนาคารจะรุกธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) มากขึ้น เพราะธนาคารเห็นโอกาสที่จะเติบโตจากตลาดลูกค้าเอสเอ็มอีที่จะได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้นในปีนี้ แต่ยังมีลูกค้าที่ยังข้าไม่ถึงสินเชื่อธนาคารจำนวนมาก ขณะที่ปัจจุบันมีการใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีมาช่วยในการพิจารณาสินเชื่อและควบคุมหนี้เสียได้ดีขึ้น แม้ในปีที่ผ่านมาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะเผชิญภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย แต่คาดว่าช่วงครึ่งหลังของปีนี้ภาพรวมตลาดจะกลับมาสดใสอีกครั้ง ธนาคารคาดว่าจะมีการปล่อยใหม่ราว 10,000 ล้านบาท
นายกิตติพันธ์ กล่าวว่า ด้านสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ จะเน้นการเป็นผู้นำและพาลูกค้าไปเติบโตในตลาดอาเซียนโดยเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับบริษัทไทยที่จะออกไปลงทุนในอาเซียนและบริษัทต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในไทย เพราะธนาคารมีเครือข่ายอยู่แล้ว โดยธนาคารจะมีการตั้งทีมใหใ่เพื่อมำงานด้านอาเซียนเต็มรูปแบบ คาดว่าธุรกรรมเกี่ยวกับอาเซียนจะเพิ่มขึ้นเป็น 20% ใน 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันสัดส่วนราว 10% รวมทั้งมีดีลอื่น ๆ เช่น การเสนอขายหุ้นการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) การเสนอขายหุ้นกู้ เป็นต้น ส่วนสินเชื่อรายย่อย จะมีการออกผลิตภัณฑ์เวลท์ ที่หลากหลาย ตอบความต้องการของลูกค้าที่ต้องการทางเลือกใหม่ๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น ส่วนสินเชื่อบ้าน ตลาดที่อยู่อาศัยยังมีการเติบโตโดยเฉพาะตามแนวรถไฟฟ้า แม้ว่าตลาดจะมีการแข่งขันดิกเบี้ยต่ำแต่ตลาดนี้ยังมีกำไรอยู่และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง
นายกิตติพันธ์ กล่าวว่า คุณภาพของสินเชื่อจะดูแลสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อ(เอ็นพีแอล) รวมอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 5% จากสิ้นปีมี่ผ่านมาอยู่ที่ 4.8% ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการแก้ไขหนี้เดิมที่มีปัญหารวมทั้งมีการขายหนี้เสียออกไป ที่ผ่านมาธนาคารเน้นการเติบโตเร็วและขยายฐานลูกค้าจำนวนมาก ขณะนี้จะเป็นการสร้างพอร์ตสินเชื่อที่มีคุณภาพและมีการบริหารความเสี่ยงที่ดี
