นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ เปิดเผยในงานสัมมนาเรื่อง โก ไทยแลนด์ : ลงทุนเพื่ออนาคตว่า แผนการลงทุน 5 ปีแรกในโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ประเมินว่ามีมูลค่าการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชน ไม่น้อยกว่า 1.7 ล้านล้านบาท โดย 5 โครงการหลัก (อีอีซี โปรเจ็กต์ ลิสต์) ที่เป็นโครงการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (พีพีพี) มูลค่าลงทุนรวม 6 แสนล้านบาท ประกอบด้วย
1.โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 ท่าอากาศยาน ขณะนี้ได้ร่างขอบเขตการลงทุน (ทีโออาร์) แล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คาดว่าจะเซ็นสัญญาได้เดือนกันยายน 2561 และเปิดดำเนินการปี 2566
2.โครงการท่าอากาศยานอู่ตะเภา คาดว่าจะร่างทีโออาร์ในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2561 หลังจากนั้นจะเซ็นสัญญาช่วงเดือนธันวาคม 2561 ถึงมกราคม 2562 และจะเปิดดำเนินการปี 2566
3.โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (เอ็มอาร์โอ) คาดว่าจะร่างทีโออาร์ในเดือนมีนาคม-เมษายนนี้ แล้วจะเซ็นสัญญาช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2561 และจะเปิดดำเนินการ 2564
4.โครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 คาดว่าจะร่างทีโออาร์เดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2561 หลังจากนั้นจะเซ็นสัญญาในเดือนพฤศจิกายน 2561 และคาดว่าจะเปิดดำเนินการในปี 2567
5.โครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 คาดว่าจะร่างทีโออาร์ในเดือนสิงหาคม 2561 เซ็นสัญญาในเดือนมกราคม 2562 และคาดว่าจะเปิดดำเนินการในปี 2568
“การวางแผนของรัฐบาลในช่วงหลัง จะเน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานค่อนข้างมาก โดยเฉพาะโครงการหลักที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้แก้กฎหมายบีโอไอแล้ว ในเรื่องสิทธิประโยชน์ให้กับนักลงทุนชาวต่างชาติ การตั้งกองทุนเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ส่วนพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อีอีซีผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้ว รอประกาศบังคับใช้ ขณะที่ พ.ร.บ.การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ก็อยู่ระหว่างการแก้ไข และ พ.ร.บ.ผังเมืองก็อยู่ระหว่างการพิจารณาของ สนช.”
ในส่วนเรื่องการดึงดูดการลงทุนในอีอีซี จะจัดโรดโชว์ร่วมกับทีมนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในจีน ญี่ปุ่นและยุโรปก่อน หลังจากนั้นจะพิจารณาความเป็นไปได้ในประเทศอื่นที่มีศักยภาพ เช่น สหรัฐ คาดว่าจะโรดโชว์ในช่วงครึ่งปีแรกหรือเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนนี้
