เมื่อวันที่ 21 มีนาคม นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยกรณีการเสนอข่าวชายวัย 68 ปี จ.นครราชสีมา ป่วยเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง มีอาการผิวหนังพุพอง เลือดออก และคันทั้งตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และสาธารณสุขอำเภอ พร้อมด้วยสหวิชาชีพได้ลงพื้นที่เยี่ยมผู้ป่วยรายดังกล่าวและนำเข้ารักษาที่ รพ.จักราช ว่า จากข้อมูลในพื้นที่พบว่าผู้ป่วยมีอาการของโรคในกลุ่มตุ่มน้ำพองเรื้อรังซึ่งเกิดจากภูมิต้านทานของร่างกายทำงานผิดปกติ ทำให้มีการสร้างแอนติบอดีมาทำลายการยึดเกาะของเซลล์ผิวหนัง ผิวหนังจึงหลุดลอกออกจากกันได้ง่าย ประกอบกับปัจจัยทางพันธุกรรมและปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมมีส่วนในการกระตุ้นโรคด้วย โรคนี้พบไม่บ่อย แต่จัดเป็นโรคผิวหนังที่มีความรุนแรง ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอายุเฉลี่ย 50-60 ปี อย่างไรก็ตาม โรคนี้เกิดได้กับทุกวัย รวมถึงในเด็ก เพศชายและหญิงมีโอกาสเกิดโรคเท่ากัน ที่สำคัญไม่ใช่โรคติดต่อ สามารถใช้ชีวิตร่วมกับคนในครอบครัวหรือสังคมได้
พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า ผู้ป่วยรายนี้เป็นโรคเพมฟิกัส (pemphigus) ซึ่งจะมีแผลถลอกเรื้อรังที่บริเวณเยื่อบุในปาก เหงือก กระพุ้งแก้ม และมีตุ่มพองหรือแผลถลอกบริเวณผิวหนัง ขยายกลายเป็นแผ่นใหญ่ มีอาการปวดแสบมาก แผลถลอกอาจมีสะเก็ดน้ำเหลือง หากมีการติดเชื้อแทรกซ้อน จะทำให้แผลลุกลามและควบคุมได้ยาก ผู้ป่วยแต่ละรายมีความรุนแรงของโรคแตกต่างกัน การรักษาจะให้ยาสเตียรอยด์ชนิดกิน ขนาด 0.5-1 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมต่อวัน หากอาการมีความรุนแรงมาก หรือมีผื่นในบริเวณกว้าง จำเป็นต้องได้รับยากดภูมิคุ้มกันร่วมด้วย
