ป.ป.ช.4 ยืมคำออเจ้าปราบโกง-อยากให้กรณีน้องแบมสร้างกระแส “ไม่ทนต่อการทุจริต”

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 มีนาคม ที่ห้องลาวเสี่ยงเทียน โรงแรมเจริญโฮเต็ล อ.เมืองอุดรธานี นายอุดมศักดิ์ ดุลยประพันธ์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรม ป.ป.ช.ภาค 4 แถลงผลการดำเนินงานของสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดเขตพื้นที่ภาค 4 ประกอบด้วย 12 จังหวัดอีสานตอนบน อุดรธานี ขอนแก่น หนองคาย หนองบัวลำภู เลย สกลนคร นครพนม มหาสารคาม มุกดาหาร ร้อยเอ็ด บึงกาฬ และกาฬสินธุ์ 6 เดือนแรกปีงบประมาณ 2561 ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2561 ถึงวันที่ 20 มีนาคม 2561

นายอุดมศักดิ์ เปิดเผยว่า ป.ป.ช.ภาค 4 มีเรื่องแสวงหาข้อเท็จจริง 2,095 เรื่อง เสร็จแล้ว 154 เรื่อง รออนุกรรมการกลั่นกรอง 327 เรื่อง ผ่านการพิจารณาคณะอนุกรรมการกลั่นกรองแล้ว 392 เรื่อง เหลือเรื่องที่ยังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล 1,167 เรื่อง เพื่อนำเสนอที่ประชุม เรื่องไต่สวนข้อเท็จจริง 317 เรื่อง ไต่สวนข้อเท็จจริงเสร็จแล้ว 10 เรื่อง รอเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. 28 เรื่อง คงเหลือ 279 เรื่อง อยู่ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริงเพื่อชี้มูลความผิด

นายอุดมศักดิ์ กล่าวว่า มีเรื่องที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทุจริตร้ายแรง 3 เรื่อง คือ 1.เมื่อวันที่ 20 ก.พ.2561 คณะกรรมการมีมติชี้มูลความผิดเป็นเอกฉันท์ 6 เสียง ชี้มูลความผิดทางอาญาและผิดวินัยร้ายแรง อบต.ขามเรียง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ระหว่าง ส.ค.2546 และ ต.ค.2548 ฐานความผิดทางอาญามาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และความผิดทางวินัยร้ายแรง ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ส่งอัยการ

2.วันที่ 23 ม.ค.2561 ชี้มูลความผิดนายเกียรติศักดิ์ บัวคำโคตร นายก อบต.สามัคคี อ.ร่องคำ จ.กาฬสินธุ์ กับพวกรวม 14 ราย มีทั้งข้าราชการ และผู้รับเหมา มีความผิดอาญาและวินัยร้ายแรง มาตรา 151, 157, 90 และ91 กรณีทุจริตโครงการซ่อมแซมถนนลูกรัง ปีงบประมาณ 2558 จำนวน 12 โครงการ และ 3. ชี้มูลความผิด นายทวีทรัพย์ มูลสุวรรณ ขณะดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร อบต.หัวนาคำ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กับพวกปกปิดประกาศประกวดราคาโครงการก่อสร้างถนนหมู่บ้านผิวจราจรคอนกรีตเสริมเหล็ก หมู่ 8 ต.หัวนาคำ อัยการสั่งฟ้อง

Advertisement

นายอุดมศักดิ์ กล่าวว่า ผลการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการ บัญชีปกติมีทั้งสิน 1,217 บัญชี ดำเนินการเสร็จ 555 บัญชี อยู่ระหว่างดำเนินการ 662 บัญชี กรณีตรวจสอบยืนยันบัญชีมีทั้งสิ้น 685 บัญชี ดำเนินการแล้ว 60 บัญชี อยู่ระหว่างดำเนินการ 625 บัญชี กรณีตรวจสอบเชิงลึกมีทั้งสิ้น 117 บัญชี ดำเนินการแล้วเสร็จ 11 บัญชี อยู่ระหว่างดำเนินการ 106 บัญชี ซึ่งงานส่วนนี้ต้องอาศัยความร่วมมือของหน่วยงานอื่นเช่นสถานบันการเงิน ธนาคาร เพื่อตรวจสอบบัญชีเงินฝาก ที่ดิน รถยนต์ จึงไม่เสร็จตามที่ตั้งใจ

นายอุดมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนภารกิจด้านป้องกันทุจริต ได้ดำเนินโครงการ/กิจกรรม ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติด้วยการป้องกันปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 พ.ศ.2560-2564 เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ที่ว่า “ประเทศไทยใสสะอาดไทยทั้งชาติด้านทุจริต” ผ่านยุทธศาสตร์ 6 ด้าน 1.สร้างสังคมไม่ทนต่อการทุจริต 2.ยกระดับเจตจำนงทางการเมืองในการต่อต้านทุจริต3.สกัดกั้นการทุตริเชิงนโยบาย 4.พัฒนาระบบป้องกันการทุจริตเชิงรุก 5.ปฏิรูปกลไกและกระบวนการการปราบปรามทุจริต และ 6.ยกระดับดัชนีการรับรู้การทุจริตของประเทศไทย ป.ป.ช.ภาค 4 มีทั้งหมด 48 โครงการ ซึ่งแสวงหาความร่วมมือจากประชาชน

“ ป.ป.ช.ทำงานแบบไต่สวน ไม่ใช่กล่าวหา ให้ความยุติธรรมทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้กล่าวหา ผู้ถูกกล่าวหา และพยานทั้งสองฝ่าย เมื่อครบระยะเวลากำหนด เมื่อพบมูลความผิดต้องนำให้คณะกรรมการลงมติ ก่อนส่งต่อไปยังอัยการ และศาล ทำให้การทำงานล่าช้า หากกฎหมายใหม่ออกมา จะทำงานได้รวดเร็วกว่านี้ ส่วนหน่วยงานที่พบการทุจริตมากที่สุด องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ความผิดเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง เพราะเป็นการทุจริตง่ายกว่าวิธีอื่น จังหวัดที่มีการร้องเรียนเรื่องทุจริตใน ป.ป.ช.ภาค 4 คือ จังหวัด ร้อยเอ็ด อุดรธานี และสกลนครตามลำดับ ” นายอุดมศักดิ์กล่าว

Advertisement

นายอุดมศักดิ์ กล่าวต่อว่า อยากให้ประชาชนตรวจสอบการทุจริต โดยไม่ทนต่อการทุจริต สามารถส่งข้อมูล หลักฐาน ไปที่ ป.ป.ช. และขอใช้คำพูดแรงๆ ของแม่นางการะเกด ในละครบุพเพสันนิวาสว่า “โกง” แทนคำว่า “กิน” กับการทุจริตงบประมาณหรือโครงการทุกรูปแบบ เพราะจะทำให้ประชาชนหันมาดูหน้าคนโกง เพราะเงินทุกบาทที่โกงไปคือภาษีของประชาชน อยากให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวมติ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ไปจนถึงศาลพิพากษาตัดสินคดีถึงที่สุด เพื่อไม่ให้พวกโกงไม่มีที่ยืนในสังคม ส่วนกรณีน้องแบม นักศึกษาฝึกงาน ม.มหาสารคามเปิดโปงการโกงเงินคนจน จนลุกลามไปทั่วประเทศ ถือว่าเป็นการกระตุ้นให้เกิดกระแส “ไม่ทนต่อการทุจริต”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image