เสี่ยสหพัฒน์ ชี้กำลังซื้อยังไม่เต็มที่ ห่วงอาหารจานด่วนแพงขึ้น

นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2561 มีแนวโน้มดีขึ้น และนโยบายต่างๆของรัฐบาล ก็จะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายของประชาชน อาทิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ถือว่ารัฐทำโครงการนี้ประสบผลสำเร็จ แต่ภาครัฐต้องเร่งติดตั้งเครื่องรูดบัตรตามร้านให้ทั่วถึงและมากขึ้นเพื่อให้บริการแก่ประชาชน รวมทั้งสถานการณ์การซื้อสินค้าออนไลน์ความมีนิยมมากขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยบวกทำให้ปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโต 9% มียอดขาย 34,240 ล้านบาท และมีกำไร 2,000 ล้านบาท  จากปี2560 เติบโต 4 %  มียอดขาย 31,360 ล้านบาท และมีกำไร 1,444 ล้านบาท

สำหรับกลยุทธ์การตลาดของบริษัทปีนี้ ได้แก่ จับมือกับคู่ค้าใหม่ เช่น  ได้รับมอบหมายจากวินามิลค์ (VINAMILK) แบรนด์โยเกิร์ตอันดับ 1 จากเวียดนาม ให้บริษัทเป็นผู้จัดจำหน่ายรายเดียวในไทย ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมวางแผนขยายกำลังการผลิตโยเกิร์ต นมเปรี้ยว และนมข้นหวานในไทย  อีกทั้งเป็นแทนจำหน่ายจากดอร์โก้ (DORCO) แบรนด์มีดโกนยักษ์ใหญ่เกาหลี  พร้อมกับออกสินค้าใหม่จากคู่ค้าเดิม อีกกลยุทธ์ คือ การเสริมความสัมพันธ์กับคู่ค้าพันธมิตร ทั้งทำแผนการขายรายเดือนร่วมกัน เน้นจำหน่ายสินค้าออนไลน์มากขึ้น

นายบุญชัย กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไตรมาสแรกปีนี้ สู้ไตรมาสสุดท้ายปีที่แล้วไม่ได้ เนื่องจากมีแรงสนับสนุนจากมาตรการรัฐ ผ่านโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ หากรัฐบาลเพิ่มเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐน่าจะทำให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ดูจากยอดขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ผ่านมาไม่เติบโตมากหรืออาจติดลบ เนื่องจากกำลังซื้อประชาชนยังไม่เต็มที่ ดังนั้น ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะหามาตรการกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชน

สำหรับการปรับค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำรายวัน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 ทางกลุ่มสหพัฒน์มีนโยบายชัดเจนจะไม่ปรับขึ้นราคาสินค้าอุปโภคบริโภคทุกกลุ่ม แต่กังวลสินค้าอาหาร เช่น ก๋วยเตี๋ยวอาจปรับราคา เช่น ปรับจาก 50 บาท เป็น 60 บาท ถือว่าไม่ดีนัก ทำให้ประชาชนรู้สึกว่า เมื่อขึ้นค่าจ้างทำให้ราคาสินค้าปรับขึ้น ซึ่งภาครัฐต้องหาทางป้องกันไม่ให้ราคาสินค้าเหล่านี้เพิ่มขึ้น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image