นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) กล่าวบรรยายพิเศษในหัวข้อ “การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำของประเทศ” ภายในงานประชุม “โครงการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ” ซึ่งจัดโดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ ว่า สำหรับยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ปี 2558-2569 ได้แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือระยะเร่งด่วน ปี 2558-2559 ระยะกลาง ปี 2560-2564 และระยะยาว ปี 2565-2569 ซึ่งปัจจุบันปี 2561 ได้ดำเนินการมาถึงระยะกลางของแผนแล้ว ดังนั้นในฐานะ สทนช.ที่เป็นหน่วยงานกลางในการจัดการข้อมูล แผนงาน งบประมาณ และประเมินผลแผนบริหารจัดการน้ำ ต้องบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทำงานร่วมกัน อาทิ การมีเป้าหมายเดียวกัน นำแผนที่ซ้ำซ้อนกันออก และใส่โครงการสำคัญเพิ่มเข้าไป เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ที่กำหนดการปฏิรูปประเทศในด้านทรัพยากรน้ำให้เป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างเป็นสากล (SDGs) ทั้งนี้ กระบวนการบริหารจัดการต้องประกอบด้วยการวางแผน การนำแผนไปปฏิบัติ การติดตามผล และการทบทวน ซึ่งทำให้มีข้อมูลแสดงความคืบหน้าของงาน เพื่อใช้เปรียบเทียบกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ และเมื่อพบปัญหาก็ให้ปรับปรุงแก้การดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนต่อไป
“หลายหน่วยงานมีแผนหลักและการดำเนินงานเป็นของตัวเองอยู่แล้ว แต่ทุกหน่วยงานต้องนำแผนเหล่านั้นออกมาเปรียบเทียบกัน เพื่อให้บูรณาการร่วมกันให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล และคาดหวังว่าเมื่อจบแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ประเทศไทยต้องมีความมั่นคงและสามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำทั้งในด้านอุปโภค บริโภค ปัญหาอุทกภัย หรือภัยแล้ง ที่สร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินแก่ประชาชน โดยทางคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้มอบหมายให้ สทนช.จัดทำแผนปฏิบัติงานที่ชัดเจนให้แล้วเสร็จภายในปี 2561 ทั้งนี้ ทุกหน่วยงานต้องดำเนินงานขับเคลื่อนให้เร็วที่สุด ไม่อยากให้เหลืองานที่คั่งค้างเมื่อรัฐบาลนี้สิ้นสุด” นายสมเกียรติกล่าว
