ไม่ว่าจะเป็นคำพูดของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในเรื่องแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์
ไม่ว่าคำตอบโต้จาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
คือ ท่าทีและท่วงทำนองอันสอดรับกับ “ภูมิทัศน์” ใหม่ในการก้าวไปสู่โรดแมป “เลือกตั้ง” ด้วยความคึกคัก
แม้แนวทางของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะแจ่มชัด
แจ่มชัด 1 คือ ไม่จัดตั้งพรรคการเมือง แจ่มชัด 1 คือ ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง
แต่เหตุใดจึงต้องเน้นชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ไม่เพียงแต่จะเน้นที่พรรคประชาธิปัตย์ หากยังเน้นอย่างหนัก แน่นที่พรรคเพื่อไทย
ว่าไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
จำเป็นต้องตัดเสียงจากพรรคเพื่อไทยออกไปก่อน เพราะพรรคเพื่อไทยเน้นอย่างหนักแน่นตั้งแต่ต้นมือ
แล้วว่า
ไม่เอานายกรัฐมนตรี “คนนอก”
ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี “คนนอก” ภายหลังการเลือกตั้ง
ตอนนี้ต้องสนใจพรรคประชาธิปัตย์อย่างเป็นพิเศษ
เพราะ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศเป็นหลักการอย่างเด่นชัดว่า
ใครสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ต้องมาที่พรรคประชาธิปัตย์ เพราะหลัก
การของพรรคประชาธิปัตย์คือสนับสนุนหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี
ความหมายจึงเท่ากับปฏิเสธ “หลักการ” ของ กปปส. อันชูขึ้นโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
ความหมายจึงเท่ากับปฏิเสธ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
คำถามก็คือ เหตุใดเมื่อคำประกาศนี้ดังก้องมาจากพรรคเพื่อไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงเฉยๆ
แต่พลันที่เป็นพรรคประชาธิปัตย์กลับมี “อารมณ์”
“ที่ออกมาพูดกันวันนี้ลองคอยดูวันหน้าก็แล้วกัน เลือกตั้งแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น แล้วเขาจะเปลี่ยนท่าที
อะไรกันอย่างไร ก็ไปคอยดูตรงนู้นแล้วกัน”
ไม่ใช่เป็นการพูดกับพรรคเพื่อไทยแน่นอน หากแต่เด่นชัดว่าพูดกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยตรง
