นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) เปิดเผยว่า ธนาคารเตรียมวงเงินไว้ 5,000 ล้านบาท เพื่อปล่อยสินเชื่อเอ็กซิมเพื่อโซนพิเศษ เป็นสินเชื่อระยะยาวเพื่อการลงทุนหรือขยายกิจการ สำหรับผู้ประกอบการในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) ผู้ประกอบการในเขตเศรษฐกิจพิเศษ และผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม สวนอุตสาหกรรม หรือเขตอุตสาหกรรม สินเชื่อดังกล่าวคิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ปีที่ 1-3 เท่ากับ อัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้าสำหรับการกู้ซึ่งเป็นเงินบาท (Prime Rate) -1.75% ต่อปี หรือปัจจุบันเท่ากับ 4.50% ต่อปี พร้อมสินเชื่อหมุนเวียนเพื่อเสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจวงเงินสูงสุด 1.5 เท่าของวงเงินสินเชื่อระยะยาว อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน Prime Rate -1.50% (หรือ 4.75% ต่อปี) สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการที่ลงทุนอีดีซีลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มอีก 0.25% ต่อปี โดยมีระยะเวลากู้สูงสุด 15 ปี รวมระยะเวลาปลอดเงินต้นไม่เกิน 2 ปี ซึ่งสามารถกู้ได้แบบไม่จำกัดวงเงิน
นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า นอกจากนี้เอ็กซิมแบงก์ มีโครงการความร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรม ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และธนาคารออมสิน ให้บริการ สินเชื่อเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ(Soft Loan) เพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักร ระยะที่ 2 ภายใต้โครงการ Transformation Loan เสริมแกร่งตามมติคณะรัฐมนตรี เป็นวงเงินกู้สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อใช้ลงทุนในการปรับปรุงหรือขยายกิจการ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนระยะยาวในการเสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ อัตราดอกเบี้ย 4.00% ต่อปี วงเงินสูงสุด 15 ล้านบาท ระยะเวลากู้สูงสุด 7 ปี รวมระยะเวลาปลอดเงินต้น ไม่เกิน 1 ปี โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการลงทุนของเอสเอ็มอี ในกลุ่มอุตสาหกรรม 10 อุตสาหกรรมใหม่ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง
“สินเชื่อทั้ง 2 ตัว เป็นสินเชื่อทางเลือกให้ผู้ประกอบการส่งออก ที่ต้องมีลงทุน และขยายการลงทุน ถ้าเปรียบเทียบกับแบงก์พาณิชย์แล้ว ดอกเบี้ยที่คิดมีระดับที่ใกล้เคียงกัน คาดว่าวงเงิน 5,000 ล้านบาทเตรียมไว้จะช่วยเหลือผู้ประกอบการได้ 300-400 ราย”นายพิศิษฐ์ กล่าว
