ความคืบหน้าการพิจารณารับรองคำขอจดจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ของกลุ่มการเมืองต่างๆ ที่ได้เริ่มยื่นขอจดจัดตั้ง ซึ่งมีกลุ่มการเมืองมายื่นขอจดจัดตั้งตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 3 เมษายน ที่ผ่านมา มีทั้งหมดว 98 พรรคการเมือง
ล่าสุด ทางสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้มีการตรวจสอบเอกสาร หลักฐาน คุณสมบัติของผู้ยื่นขอจดจัดตั้ง และ นายทะเบียนพรรคการเมืองได้ออกหนังสือรับแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมือง เพิ่มอีกจำนวน 4 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคสังคมประชาธิปไตยประชาชน ที่นายเยี่ยมยอด ศรีมันตะ เป็นผู้ยื่นคำขอ, พรรคประชาชาติ ที่นายสุรพล นาควานิช ยื่นขอจัดตั้ง, พรรคพลังพลเมืองไทย ที่นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ ยื่นขอจัดตั้ง, และพรรคประชาภิวัตน์ ที่ยื่นขอจัดตั้งโดย พล.ต.ไชยนาจ ญาติฉิมพลี
โดยก่อนหน้านี้นายทะเบียนออกหนังสือรับแจ้งการเตรียมการฯ (แบบ พ.ก. 7/2) แล้ว 9 พรรค คือ พรรคทางเลือกใหม่ จัดตั้งโดย นายราเชน ตระกูลเวียง, พรรคกรีน ขอจัดตั้งโดย นายพงศา ชูแนม, พรรคประชานิยม ขอจัดตั้งโดย น.ส.ภิญญดา ไพรัช, พรรคพลังสยาม ขอจัดตั้งโดย นายวิษณุ อินทรพยุง, พรรคพลังชาติไทย ขอจัดตั้งโดย นางกิ่งฟ้า อรพันธ์,
พรรคเครือข่ายประชาชนไทย ขอจัดตั้งโดย นายธนานินทร์ ชะฎาแก้ว, พรรคเศรษฐกิจใหม่ ขอจัดตั้งโดย นายสุภดิช อากาศฤกษ์, พรรคพลังธรรมใหม่ ขอจัดตั้งโดน นพ.ระวี มาศฉมาดล, และ พรรคประชาชนปฏิรูป ขอจัดตั้งโดย นายธนพัฒน์ สุขเกษม ซึ่งขณะนี้มีกลุ่มการเมืองที่ได้รับการรับรองให้จัดตั้งพรรคการเมืองทั้งหมด 13 พรรค
อย่างไรก็ตามกกต. ยังพบปัญหาในการยื่นจดตั้งพรรคการเมือง หลังจากนายทะเบียนฯได้ตรวจสอบเอกสาร หลักฐานและคุณสมบัติของผู้ยื่นขอจดจัดตั้งแล้วพบว่ามีปัญหาในเรื่องของเอกสาร หลักฐานไม่ถูกต้องครบถ้วน
เช่น ชื่อตัวย่อของพรรคซ้ำกับพรรคที่ดำเนินกิจการอยู่ หรือซ้ำกับพรรคที่ถูกยุบไปแล้วยังไม่ถึง 20 ปี ไม่ได้ส่งภาพเครื่องหมายพรรค กรอกเอกสารไม่สมบูรณ์ สำเนาทะเบียนบ้านของผู้แจ้งขอจดจัดตั้งไม่ครบถ้วน ทางกกต.จึงได้มีการประสานทั้งโดยวาจาและเอกสารไปยังกลุ่มการเมืองเหล่านี้เพื่อให้ดำเนินการแก้ไขให้ครบถ้วน
ดูท่าว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าบรรยากาศจะคึกคักเป็นพิเศษ เพราะจากฐานขอมูลพรรคกาารเมืองเก่าที่มีสถานะเป็นพรรคการเมืองอยู่ก่อนแล้ว มีจำนวนถึง 69 พรรค และยังไม่รู้ว่าจะมีพรรคการเมืองใหม่เข้าสู่สนามเลือกตั้งอีกกี่พรรค
ที่แน่ๆการลงคะแนนเลือกตั้งจะเกิดปัญหาขึ้นแน่นอนเมื่อกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. กำหนดให้การเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเรียงเบอร์ โดยในแต่ละเขตหมายเลขของผู้สมัครในแต่ละพรรคจะเป็นคนละหมายเลขกันทุกเขตทั่วประเทศ หากพรรคการเมืองมีจำนวนมาก จะยิ่งสร้างความสับสนให้กับผู้ลงคะแนน และยิ่งหาผู้ลงคะแนนอยู่คนละเขตกับพื้นที่เลือกตั้ง ย้อมมีผลกระทบแน่นอน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ
ถ้าจะให้ดี เมื่อถึงว่าเลือกตั้ง(เมื่อไหร่ก็ไม่รู้) ผู้ที่มาใช่สิทธิ จะต้องตรวจสอบรายชื่อพรรคการเมืองในเขตนั้นๆ ที่หน้าคูหาเพื่อระวังขอผิดพลาดในการกาผิดหมายเลข และไม่สามารถแก้ไขได้อีกนะเออ…
