‘อธิบดีขบ.’สั่งฟันผู้ประกอบการขั้นสูงสุดทันทีหลังรถเสริมขายตั๋วเกินราคา

นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ เรื่องการจำหน่ายตั๋วโดยสารราคาแพง ซึ่งสูงกว่าอัตราค่าโดยสารที่กำหนดไว้ และนำรถโดยสารไม่ประจำทางเพนต์ลายมาให้บริการ ผู้โดยสารได้ร้องเรียนไปยังเพจแหม่มโพดำ เนื่องจากได้ซื้อตั๋วโดยสารเพื่อเดินทางไป อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ในราคา 550 บาท โดยไม่ทราบว่าตั๋วที่ซื้อเป็นตั๋วรถโดยสารไม่ประจำทางที่นำมาวิ่งเสริม กรมการขนส่งทางบก ร่วมกับบริษัท ขนส่ง จำกัด ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีดังกล่าวทันที พบว่ารถโดยสารไม่ประจำทางคันหมายเลขทะเบียน 31-4522 กรุงเทพมหานคร ผู้ประกอบการคือ บริษัท วัฒนสาครทัวร์ ได้นำรถซึ่งได้รับอนุญาตให้นำรถโดยสารไม่ประจำทางมาวิ่งเสริมในช่วงเทศกาล แต่มีการเรียกเก็บค่าโดยสารเกินกว่าอัตราที่กำหนดตามที่มีการแจ้งเรื่องร้องเรียนจริง ซึ่งอัตราค่าโดยสารที่กำหนดราคา 538 บาท แต่ได้จำหน่ายตั๋วโดยสารในราคา 550 บาท จึงดำเนินการลงโทษเปรียบเทียบปรับผู้ประกอบการขั้นสูงสุด 5,000 บาท ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก มาตรา 159 ฐานเรียกเก็บค่าโดยสารเกินกว่าอัตราที่กำหนด พร้อมบันทึกประวัติการกระทำผิด หากพบการกระทำความผิดในลักษณะเดิมพิจารณาพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการทันที

นายสนิทกล่าวว่า เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสเอาเปรียบประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์จากการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ และให้ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาอย่างปลอดภัย ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง กรมการขนส่งทางบกกำชับสำนักงานขนส่งจังหวัดทุกแห่ง จัดเตรียมรถโดยสารประจำทางและรถโดยสารไม่ประจำทางเสริมในเส้นทางให้เพียงพอกับความต้องการเดินทางของประชาชนทั้งเที่ยวไป-เที่ยวกลับ เข้มงวดตรวจสอบความปลอดภัยของรถโดยสารไม่ประจำทางที่นำมาวิ่งเสริมทุกคันควบคู่กับการตรวจความพร้อมของพนักงานขับรถและผู้ประจำรถทุกคน พร้อมกำชับผู้ประกอบการที่นำรถเสริมมาให้บริการต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบทุกครั้ง ณ จุดจำหน่วยตั๋วว่าเป็นการนำรถเสริมมาให้บริการแทน อีกทั้งก่อนการนำรถโดยสารไม่ประจำทางมาวิ่งให้บริการเสริม ต้องได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก และติดหนังสือการอนุญาตให้ใช้รถผิดประเภทไว้ที่กระจกหน้ารถ โดยต้องเป็นรถโดยสารสาธารณะ(ป้ายเหลือง) มีการจัดทำประกันภัยตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถและประกันภัยเพิ่มเติม มีสมุดจดบันทึกข้อมูลประจำรถ จาก บขส.และต้องบันทึกในสมุดประจำรถให้ครบถ้วน ผ่านการตรวจสอบสภาพรถกับกรมการขนส่งทางบก และผ่านการตรวจสภาพตามมาตรฐานความปลอดภัย(Checklist) ที่กรมกำหนด โดยต้องติดตั้ง GPS Tracking และเชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับศูนย์บริหารจัดการเดินรถด้วยระบบ GPS ของกรมการขนส่งทางบก เพื่อให้ประชาชนและผู้ประกอบการขนส่งสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการพฤติกรรมการขับขี่ของพนักงานขับรถแบบเรียลไทม์ ผ่านแอพพลิเคชั่น“DLT GPS” ตลอด 24 ชม.

“หากประชาชนพบรถโดยสารสาธารณะไม่ปลอดภัย มีพฤติกรรมน่าสงสัย พาไปขึ้นรถด้านนอก หรือให้บริการไม่ตรงกับที่แจ้งไว้ ขอให้ร้องเรียนมาที่กรมการขนส่งทางบกทางโทรศัพท์สายด่วน 1584 ตลอด 24 ชม., ทางเว็บไซต์ http://ins.dlt.go.th/cmpweb/, E-Mail [email protected], Facebook ชื่อ “1584 ร้องเรียนรถโดยสารสาธารณะ”, หรือร้องเรียนด้วยตนเอง ได้ที่ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน กองตรวจการขนส่งทางบก อาคาร 3 ชั้น 4 กรมการขนส่งทางบก โดยระบุรายละเอียดรถและผู้ขับรถคันที่กระทำความผิด เช่น หมายเลขทะเบียนรถ ชื่อ-นามสกุลผู้ขับรถ ซึ่งจะทำให้กระบวนการติดตามตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษเป็นไปด้วยความรวดเร็ว โดยกรมการขนส่งทางบกจะตรวจสอบด้วยความเป็นธรรมทั้งต่อผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการโดยทันที” นายสนิทกล่าว

 

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image