ผู้หนีภัยสู้รบกะเหรี่ยงโอดไทยปฎิเสธรับ-ผลักดันกลับ สถานการณ์ปะทะระหว่างพม่า-เคเอ็นยูยังหนักหน่วง

เมื่อวันที่ 27 เมษายน มีรายงานข่าวจาก จ.แม่ฮ่องสอน ว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มมีชาวกะเหรี่ยงจากฝั่งรัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่าซึ่งได้รับผลกระทบจากการสู้รบระหว่างกองทัพทหารพม่าและกองทัพของสหภาพแห่งชาติกระเหรี่ยงหรือเคเอ็นยู เนื่องจากทหารพม่าได้รุกคืบเข้ามายังพื้นที่การดูแลของเคเอ็นยูในจังหวัดมือตรอ (ผาปูน) ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับจังหวัดแม่ฮ่องสอน มาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ชาวบ้านกว่า 2,400 คนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นหนีการสู้รบ และบางส่วนหนีมุ่งหน้ามาพักพิงในค่ายผู้หนีภัยฝั่งประเทศไทย

แหล่งข่าวในพื้นที่แจ้งว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีผู้หนีภัยสงครามจากเขตมือตรอ จำนวน 2 ครอบครัวได้เดินทางมายังค่ายพักพิงชั่วคราวแม่ลามาหลวง อำเภอสบเมย และอีก 1 ครอบครัวมาจากเขตรอยต่อมือตรอ และเมืองตองอู ซึ่งอยู่ในเขตสู้รบเช่นเดียวกัน โดยผู้หนีภัยเหล่านี้ได้เดินเท้าในป่าเป็นเวลาหลายวันมายังแม่น้ำสาละวินชายแดนไทย และนั่งเรือจากแม่น้ำสาละวิน มายังแม่น้ำเมย ก่อนที่จะต่อเรือไปยังแม่น้ำยวม เพื่อมาขอความช่วยเหลือในค่ายแม่ลามาหลวงฝั่งไทย โดยมีจำนวน 16 คน รวมทั้งเด็กเล็ก อย่างไรก็ตามผู้หนีภัยเหล่านี้ได้รับแจ้งจากคณะกรรมการค่ายแม่ลามาหลวงว่า หน่วยงานราชการไทยไม่อนุญาตให้อาศัยอยู่ในค่ายและขอให้เดินทางกลับประเทศต้นทาง และเจ้าหน้าที่อส. อำเภอสบเมย ได้พาผู้หนีภัยเหล่านี้โดยสารเรือไปยังท่าเรือแม่สามแลบ อ.สบเมย และผลักดันออกนอกประเทศ ซึ่งชาวบ้านกะเหรี่ยงในบริเวณดังกล่าวได้ช่วยกันพาผู้หนีภัยกลุ่มนี้ไปอาศัยยังค่ายผู้พลัดถิ่นอิตุท่า ริมแม่น้ำสาละวิน ฝั่งรัฐกะเหรี่ยง

อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังมีผู้หนีภัยในค่ายพักพิงชั่วคราวฝั่งไทยรอการส่งกลับอีก 2 คน ซึ่งฝ่ายปกครองของไทยอนุญาตให้อยู่เพราะมีความจำเป็นที่ต้องรักษาตัว โดย 1 ในนั้นเป็นแม่ที่ต้องสูญเสียลูกในครรภ์เนื่องจากการหนีภัยความตาย และอีก 1 คนกำลังเข้ารับการผ่าตัด


ทั้งนี้ค่ายอิตุท่าเป็น 1 ใน 2 ค่ายของผู้พลัดถิ่นในเขตชายแดนฝั่งรัฐกะเหรี่ยง โดยอีกแห่งหนึ่งคือค่ายอูแวโกล แต่สถานการณ์ของทั้ง 2 ค่ายต่างกำลังประสบความยากลำบาก เนื่องจากถูกตัดงบประมาณความช่วยเหลือจากนานาชาติทำให้ขาดแคลนอาหาร ยาและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ โดยอ้างกระบวนการสันติภาพในพม่าที่กำลังเจรจากัน ซึ่งทางการพม่าและประเทศตะวันตกมีนโยบายให้ผู้ลี้ภัยในค่ายกลับคืนภูมิลำเนา แต่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนเหล่านี้ไม่ยอม เพราะในพื้นที่ถิ่นฐานเดิมยังคงมีการสู้รบกันอย่างหนัก

Advertisement

ข่าวแจ้งว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมา มีการประชุมระหว่างองค์กรที่ทำงานในค่ายผู้หนีภัยร่วมกับฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย โดยคณะกรรมการค่ายฯ ได้รับแจ้งในที่ประชุมว่า มีผู้หนีภัยการสู้รบขอเข้ามาพักพิงในค่ายแม่ลามาหลวงเพิ่ม แต่ประธานการประชุม คือปลัดอำเภอ ชี้แจงว่า ประเทศไทยไม่มีนโยบายรับผู้ลี้ภัยเพิ่ม เนื่องจากการเมืองภายในประเทศพม่านั้นได้มีการลงนามหยุดยิงทั่วประเทศแล้ว

นายวิภาสกร กิติคำ ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกัน รับผิดชอบค่ายพักพิงชั่วคราวในอำเภอสบเมย กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวปฎิเสธความช่วยเหลือและผลักดันผู้หนีภัยการสู้รบในรัฐกะเหรี่ยงออกนอกประเทศ ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีผู้หนีภัยการสู้รบจากรัฐกะเหรี่ยงมาขอความช่วยเหลือแต่อย่างใด แต่นโยบายของกระทรวงมหาดไทยคือไม่รับผู้ลี้ภัยเพิ่ม และพยายามที่จะประสานให้ไปอยู่ประเทศที่ 3 ส่วนเรื่องที่เกิดการปะทะกันระหว่างทหารพม่าและทหารเคเอ็นยูนั้น ตนเชื่อว่าจะไม่มีผลให้ชาวกะเหรี่ยงอพยพเข้ามาขอความช่วยเหลือในค่ายฝั่งไทยเพิ่มเพราะพื้นที่การสู้รบอยู่ห่างไกลจากชายแดนไทยมาก

สำหรับสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารพม่าและทหารเคเอ็นยูในพื้นที่รัฐกะเหรี่ยง โดยเฉพาะในพื้นที่กองพลที่ 5 จังหวัดมือตรอ รัฐกะเหรี่ยง ยังอยู่ในความตึงเครียด โดยกองทัพพม่าได้เพิ่มกำลังและยุทโธปกรณ์เข้ามายังพื้นที่อย่างต่อเนื่อง แม้อยู่ในช่วงการเจรจาสันติภาพ โดยล่าสุดเมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 26 เมษายน ทหารพม่ายังรุกคืบเข้าไปในพื้นที่กองพล 7 ของทหารเคเอ็นยูโดยอ้างว่าเพื่อเข้าไปปราบปรามกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตย หรือดีเคบีเอ ในพื้นที่แม่ตะวอ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ส่งผลให้เกิดการปะทันกันอีกระลอกใหญ่

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image